(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
‘Thugs’ fire on farmers in Vietnam land dispute
By Mac Lam
12/02/2014
กลุ่มชายพกพาอาวุธปืนซึ่งว่าจ้างโดยบริษัทพัฒนาที่ดิน ที่กำลังดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์มูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อก่อสร้างเมืองบริวารขึ้นในบริเวณชานนครหลวงฮานอยของเวียดนาม ได้ระดมยิงใส่ชาวนาที่ไม่มีอาวุธใดๆ เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติเหล่านี้กำลังพยายามเรียกร้องขอคืนนาข้าวซึ่งถูกไถจนแบนราบไปแล้ว ผลก็คือมีชาวนาบาดเจ็บไป 5 คน โดย 1 ในจำนวนนี้อาการสาหัส ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวหลายๆ ราย
กลุ่มชายพกพาอาวุธปืนซึ่งว่าจ้างโดยบริษัทพัฒนาที่ดิน ที่กำลังดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์มูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อก่อสร้างเมืองบริวารขึ้นในบริเวณชานนครหลวงฮานอยของเวียดนาม ได้ระดมยิงใส่ชาวนาที่ไม่มีอาวุธใดๆ เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติเหล่านี้กำลังพยายามเรียกร้องขอคืนนาข้าวซึ่งถูกไถจนแบนราบไปแล้ว ผลก็คือมีชาวนาบาดเจ็บไป 5 คน โดย 1 ในจำนวนนี้อาการสาหัส ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวหลายๆ ราย
ชาวนาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชาวบ้านในอำเภอวันเกียง (Van Giang) จังหวัดฮุนเยน (Hun Yen) ซึ่งได้เคยประท้วงต่อต้านการริบที่นาของพวกเขาเมื่อเดือนเมษายน 2012 แล้วถูกทางการปราบปรามอย่างโหดร้ายทารุณ
เวลาผ่านไปแล้วร่วมๆ 2 ปีหลังจากการประท้วงของพวกเขา แต่ข้อพิพาทก็ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข และชาวบ้านของหมู่บ้านฟุงคง (Phung Cong) ที่เป็นจุดเกิดเหตุไล่ยิงกันคราวนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของชาวนาที่ยังคงยื่นเรื่องร้องเรียนต่อรัฐบาลส่วนกลางไม่ยอมเลิก เพื่อขอที่นาของพวกเขาคืน
แหล่งข่าวรายหนึ่งจากหมู่บ้านฟุงคง ซึ่งเล่าให้วิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเวียดนาม (RFA’s Vietnamese Service) ฟังโดยขอให้สงวนนาม บอกว่าในวันอังคารดังกล่าว กลุ่มคนที่ว่าจ้างโดยบริษัทพัฒนาที่ดินที่ดำเนินโครงการ “อีโคปาร์ก” (EcoPark) มูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์นี้ ได้ใช้ปืนแบบทำเอง ระดมยิงเข้าใส่ชาวบ้านซึ่งพยายามที่จะเข้าไปยึดที่นาของพวกเขาคืนมา
“ขณะที่พวกเรากำลังรวมตัวกันใกล้ๆ กับที่นาที่ถูกเวนคืนไป ก็มีอันธพาลบางคนใช้ปืนทำเองยิงเข้าใส่พวกเรา” เขาบอก
“มีคนถูกยิงรวมทั้งหมด 5 คน คนหนึ่งต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนอีก 4 คนถูกส่งตัวกลับบ้าน (หลังจากทางโรงพยาบาลทำแผลให้แล้ว)”
แหล่งข่าวรายนี้เล่าว่า ชาวนาได้พยายามติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่ตอนที่ชายกลุ่มนี้เดินทางมาถึงในตอนสายวันนั้นและเริ่มข่มขู่คุกคามพวกเขา ทว่าคำขอให้ช่วยคุ้มครองของชาวนากลับถูกละเลยไม่แยแส
“เช้าวันนั้นเราพยายามทำงานในนาของเราเพื่อเป็นการแสดงตัวให้เห็นว่าเราจะปกป้องรักษาที่ดินของเรา แต่แล้วพวกอันธพาลก็ออกมา และเที่ยวข่มขู่คุกคามพวกเราไปทั่ว” เขากล่าว
เมื่อถึงตอนเที่ยงวัน คนกลุ่มนี้ได้ “นำเอาปืนทำเองที่บรรจุไว้ในกระสอบใหญ่ใบหนึ่งออกมา” แหล่งข่าวรายนี้เล่าต่อ ถึงตอนนี้พวกชาวนารู้แล้วว่า “พวกมันกำลังจะเล่นงานเราแน่ๆ”
แต่ถึงแม้พวกเขาพยายามร้องขอความช่วยเหลือ “ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของทางท้องถิ่นหน้าไหนเลยที่ออกมาพูดจากับเรา” เขากล่าว
“พวกเขาทำเฉยไม่แยแสกับเหตุการณ์นี้ ปล่อยให้พวกอันธพาลยิงใส่เรา”
แหล่งข่าวรายนี้บอกว่า ฝ่ายชาวนานั้นได้หลีกเลี่ยงไม่ยอมใช้อาวุธ หรือใช้วิธีการรุนแรงอื่นๆ เพื่อยึดเอาที่ดินของพวกเขากลับคืนมา เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้เขากำลังอ้างอิงเท้าความถึงกรณีอันโด่งดังเกรียวกราวของชาวนาชื่อ ดวน วัน เวือน (Doan Van Vuon) ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ หลังจากเขาพร้อมครอบครัวจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ต้านทานกองกำลังความมั่นคง ซึ่งบุกเข้ายึดบ่อปลาของเขาในจังหวัดไฮฟอง (Hai Phong) เมื่อ 2 ปีก่อน
ในเดือนเมษายน 2013 เวือนถูกตัดสินลงโทษจำคุก 5 ปีในความผิดฐานพยายามฆ่าคนตาย หลังจากที่มีตำรวจ 7 คนได้รับบาดเจ็บขณะพยายามบุกเข้าไปในที่ดินของเขา
**มือปืนรับจ้าง**
ทางด้าน เล เฮียน ดุค (Le Hien Duc) นักเคลื่อนไหวในประเด็นเรื่องที่ดิน เล่าว่าเขาได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับทางกระทรวงตำรวจ หลังจากที่เขาได้รับแจ้งจากชาวนาเกี่ยวกับการปรากฏตัวของคนกลุ่มนี้ ผู้ซึ่งเขาระบุว่าพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบได้ยืนยันว่า เป็นคนที่ว่าจ้างมาโดยบริษัทเวียตฮุง เออร์บัน ดีเวลอปเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ คอมปานี (Viet Hung Urban Development and Investment Company) บริษัทผู้ดำเนินโครงการอีโคปาร์ก
“เช้าวันนั้นผมได้รับข่าวจากชาวนาว่า (พวกอันธพาล) ขับรถไปยังที่นาของพวกเขา โดยที่ถือปืนทำเองไปด้วยหลายสิบกระบอก ผมจึงโทรศัพท์ติดต่อกับกระทรวงตำรวจ” เขากล่าว
“มีใครบางคนในกระทรวงตำรวจบอกผมว่า (ชายกลุ่มนั้น) ไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นพวกอันธพาลที่ว่าจ้างมาโดยเวียตฮุง ... แต่เมื่อพวกนั้นโจมตีเล่นงานประชาชน มันก็ต้องเป็นความผิดชอบของตำรวจอยู่ดีที่จะมาคุ้มครองพวกเรา”
แหล่งข่าวหลายรายระบุว่า เมื่อถึงช่วงกลางคืนวันอังคาร (11) ยังคงมีชาวนาราว 300 คนอยู่ในนาข้าวที่เกิดเหตุ คอยป้องกันรักษาที่ดินตรงนั้นเอาไว้ ขณะที่พวกอันธพาลรับจ้างก็ยังคงอยู่กันแถวนั้นและคอยคุกคามชาวนาเช่นกัน
พวกเขาระบุว่า ทางการท้องถิ่นยังไม่ได้ทำอะไรเลยต่อเหตุยิงกันที่เกิดขึ้น
**ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน**
ชาวนาในอำเภอวันเกียง ได้เคยรวมตัวจัดการประท้วงมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ที่เริ่มต้นดำเนินโครงการอีโคปาร์กเมื่อ 5 ปีก่อน พวกเขาระบุว่ารัฐบาลยินยอมยกที่ดินประมาณ 500 เฮกตาร์ (3,125 ไร่) ซึ่งพวกเขาใช้ทำไร่ไถนา ไปให้แก่ทางพวกบริษัทพัฒนาที่ดิน โดยที่ไม่ได้มีการปรึกษาหารือหรือการให้เงินชดเชยอย่างถูกต้องเหมาะสมเลย
ครั้นแล้วในเดือนเมษายน 2012 กองกำลังความมั่นคงจำนวนหลายพันคนก็ได้บุกเข้าปราบปรามสลายการประท้วงของมวลชนชาวนา ซึ่งถือเป็นเหตุปะทะกันเนื่องจากที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในเวียดนามในระยะไม่กี่ปีหลังๆ นี้ ทั้งนี้ตำรวจได้ระดมยิงปืนขู่และยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ ขณะที่ชาวนาต่อต้านตอบโต้ด้วยการขว้างก้อนอิฐ, ขวดแก้ว, ก้อนหิน, และระเบิดขวดน้ำมัน
ที่ดินสำหรับใช้ทำโครงการอีโคปาร์กนั้น ถูกเวนคืนไปเป็น 2 ระลอก คือเมื่อปี 2009 และปี 2012 แต่มีชาวบ้านหลายพันหลังคาเรือนปฏิเสธไม่ยอมรับค่าชดเชยจากรัฐบาลแล้วย้ายออกไปแต่โดยดี พวกเขาบอกว่าจำนวนเงินชดเชยที่จะให้นั้นต่ำกว่าหนี้สินที่พวกเขามีอยู่เป็นอย่างมาก
ภายหลังเกิดเหตุปะทะขึ้นในปี 2012 แล้ว ชาวบ้านก็ได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลประชาชนอำเภอวันเกียง ในเดือนพฤษภาคมปีนั้น โดยเรียกค่าเสียหายจากประธานคณะกรรมการอำเภอ จากการที่ขับไล่พวกเขาตอนแรกสุดเมื่อปี 2009
ในเดือนสิงหาคม 2012 ศาลตัดสินว่าไม่รับพิจารณาคำฟ้องของชาวบ้านเหล่านี้ โดยบอกว่าคดีนี้มีหลักฐานไม่พียงพอ
โครงการอีโคปาร์กนั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาเขตเมืองในระยะยาวของกรุงฮานอย โดยที่รัฐบาลอนุมัติให้บริษัทเวียตฮุง เป็นผู้พัฒนาดำเนินโครงการ
ในเวียดนาม ที่ดินทั้งหมดถือเป็นของรัฐ โดยที่ประชาชนมีเพียงสิทธิที่จะใช้ที่ดินเท่านั้น แต่การเวนคืนที่ดินก็ได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างใหญ่โตอยู่บ่อยครั้ง
แมค ลัมเป็นผู้รายงานข่าวนี้ให้แก่วิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเวียดนาม (Radio Free Asia's Vietnamese Service และ โจชัว ลิปส์ (Joshua Lipes) เขียนเป็นภาษาอังกฤษ
วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia ใช้อักษรย่อว่า RFA) ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากเงินให้เปล่าของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน RFA เป็นผู้ดำเนินการสถานีวิทยุและบริการข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต
‘Thugs’ fire on farmers in Vietnam land dispute
By Mac Lam
12/02/2014
กลุ่มชายพกพาอาวุธปืนซึ่งว่าจ้างโดยบริษัทพัฒนาที่ดิน ที่กำลังดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์มูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อก่อสร้างเมืองบริวารขึ้นในบริเวณชานนครหลวงฮานอยของเวียดนาม ได้ระดมยิงใส่ชาวนาที่ไม่มีอาวุธใดๆ เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติเหล่านี้กำลังพยายามเรียกร้องขอคืนนาข้าวซึ่งถูกไถจนแบนราบไปแล้ว ผลก็คือมีชาวนาบาดเจ็บไป 5 คน โดย 1 ในจำนวนนี้อาการสาหัส ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวหลายๆ ราย
กลุ่มชายพกพาอาวุธปืนซึ่งว่าจ้างโดยบริษัทพัฒนาที่ดิน ที่กำลังดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์มูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อก่อสร้างเมืองบริวารขึ้นในบริเวณชานนครหลวงฮานอยของเวียดนาม ได้ระดมยิงใส่ชาวนาที่ไม่มีอาวุธใดๆ เมื่อวันอังคาร (11 ก.พ.) ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติเหล่านี้กำลังพยายามเรียกร้องขอคืนนาข้าวซึ่งถูกไถจนแบนราบไปแล้ว ผลก็คือมีชาวนาบาดเจ็บไป 5 คน โดย 1 ในจำนวนนี้อาการสาหัส ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวหลายๆ ราย
ชาวนาเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชาวบ้านในอำเภอวันเกียง (Van Giang) จังหวัดฮุนเยน (Hun Yen) ซึ่งได้เคยประท้วงต่อต้านการริบที่นาของพวกเขาเมื่อเดือนเมษายน 2012 แล้วถูกทางการปราบปรามอย่างโหดร้ายทารุณ
เวลาผ่านไปแล้วร่วมๆ 2 ปีหลังจากการประท้วงของพวกเขา แต่ข้อพิพาทก็ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข และชาวบ้านของหมู่บ้านฟุงคง (Phung Cong) ที่เป็นจุดเกิดเหตุไล่ยิงกันคราวนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของชาวนาที่ยังคงยื่นเรื่องร้องเรียนต่อรัฐบาลส่วนกลางไม่ยอมเลิก เพื่อขอที่นาของพวกเขาคืน
แหล่งข่าวรายหนึ่งจากหมู่บ้านฟุงคง ซึ่งเล่าให้วิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเวียดนาม (RFA’s Vietnamese Service) ฟังโดยขอให้สงวนนาม บอกว่าในวันอังคารดังกล่าว กลุ่มคนที่ว่าจ้างโดยบริษัทพัฒนาที่ดินที่ดำเนินโครงการ “อีโคปาร์ก” (EcoPark) มูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์นี้ ได้ใช้ปืนแบบทำเอง ระดมยิงเข้าใส่ชาวบ้านซึ่งพยายามที่จะเข้าไปยึดที่นาของพวกเขาคืนมา
“ขณะที่พวกเรากำลังรวมตัวกันใกล้ๆ กับที่นาที่ถูกเวนคืนไป ก็มีอันธพาลบางคนใช้ปืนทำเองยิงเข้าใส่พวกเรา” เขาบอก
“มีคนถูกยิงรวมทั้งหมด 5 คน คนหนึ่งต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนอีก 4 คนถูกส่งตัวกลับบ้าน (หลังจากทางโรงพยาบาลทำแผลให้แล้ว)”
แหล่งข่าวรายนี้เล่าว่า ชาวนาได้พยายามติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่ตอนที่ชายกลุ่มนี้เดินทางมาถึงในตอนสายวันนั้นและเริ่มข่มขู่คุกคามพวกเขา ทว่าคำขอให้ช่วยคุ้มครองของชาวนากลับถูกละเลยไม่แยแส
“เช้าวันนั้นเราพยายามทำงานในนาของเราเพื่อเป็นการแสดงตัวให้เห็นว่าเราจะปกป้องรักษาที่ดินของเรา แต่แล้วพวกอันธพาลก็ออกมา และเที่ยวข่มขู่คุกคามพวกเราไปทั่ว” เขากล่าว
เมื่อถึงตอนเที่ยงวัน คนกลุ่มนี้ได้ “นำเอาปืนทำเองที่บรรจุไว้ในกระสอบใหญ่ใบหนึ่งออกมา” แหล่งข่าวรายนี้เล่าต่อ ถึงตอนนี้พวกชาวนารู้แล้วว่า “พวกมันกำลังจะเล่นงานเราแน่ๆ”
แต่ถึงแม้พวกเขาพยายามร้องขอความช่วยเหลือ “ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของทางท้องถิ่นหน้าไหนเลยที่ออกมาพูดจากับเรา” เขากล่าว
“พวกเขาทำเฉยไม่แยแสกับเหตุการณ์นี้ ปล่อยให้พวกอันธพาลยิงใส่เรา”
แหล่งข่าวรายนี้บอกว่า ฝ่ายชาวนานั้นได้หลีกเลี่ยงไม่ยอมใช้อาวุธ หรือใช้วิธีการรุนแรงอื่นๆ เพื่อยึดเอาที่ดินของพวกเขากลับคืนมา เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้เขากำลังอ้างอิงเท้าความถึงกรณีอันโด่งดังเกรียวกราวของชาวนาชื่อ ดวน วัน เวือน (Doan Van Vuon) ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ หลังจากเขาพร้อมครอบครัวจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้ต้านทานกองกำลังความมั่นคง ซึ่งบุกเข้ายึดบ่อปลาของเขาในจังหวัดไฮฟอง (Hai Phong) เมื่อ 2 ปีก่อน
ในเดือนเมษายน 2013 เวือนถูกตัดสินลงโทษจำคุก 5 ปีในความผิดฐานพยายามฆ่าคนตาย หลังจากที่มีตำรวจ 7 คนได้รับบาดเจ็บขณะพยายามบุกเข้าไปในที่ดินของเขา
**มือปืนรับจ้าง**
ทางด้าน เล เฮียน ดุค (Le Hien Duc) นักเคลื่อนไหวในประเด็นเรื่องที่ดิน เล่าว่าเขาได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับทางกระทรวงตำรวจ หลังจากที่เขาได้รับแจ้งจากชาวนาเกี่ยวกับการปรากฏตัวของคนกลุ่มนี้ ผู้ซึ่งเขาระบุว่าพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบได้ยืนยันว่า เป็นคนที่ว่าจ้างมาโดยบริษัทเวียตฮุง เออร์บัน ดีเวลอปเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ คอมปานี (Viet Hung Urban Development and Investment Company) บริษัทผู้ดำเนินโครงการอีโคปาร์ก
“เช้าวันนั้นผมได้รับข่าวจากชาวนาว่า (พวกอันธพาล) ขับรถไปยังที่นาของพวกเขา โดยที่ถือปืนทำเองไปด้วยหลายสิบกระบอก ผมจึงโทรศัพท์ติดต่อกับกระทรวงตำรวจ” เขากล่าว
“มีใครบางคนในกระทรวงตำรวจบอกผมว่า (ชายกลุ่มนั้น) ไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นพวกอันธพาลที่ว่าจ้างมาโดยเวียตฮุง ... แต่เมื่อพวกนั้นโจมตีเล่นงานประชาชน มันก็ต้องเป็นความผิดชอบของตำรวจอยู่ดีที่จะมาคุ้มครองพวกเรา”
แหล่งข่าวหลายรายระบุว่า เมื่อถึงช่วงกลางคืนวันอังคาร (11) ยังคงมีชาวนาราว 300 คนอยู่ในนาข้าวที่เกิดเหตุ คอยป้องกันรักษาที่ดินตรงนั้นเอาไว้ ขณะที่พวกอันธพาลรับจ้างก็ยังคงอยู่กันแถวนั้นและคอยคุกคามชาวนาเช่นกัน
พวกเขาระบุว่า ทางการท้องถิ่นยังไม่ได้ทำอะไรเลยต่อเหตุยิงกันที่เกิดขึ้น
**ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน**
ชาวนาในอำเภอวันเกียง ได้เคยรวมตัวจัดการประท้วงมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ที่เริ่มต้นดำเนินโครงการอีโคปาร์กเมื่อ 5 ปีก่อน พวกเขาระบุว่ารัฐบาลยินยอมยกที่ดินประมาณ 500 เฮกตาร์ (3,125 ไร่) ซึ่งพวกเขาใช้ทำไร่ไถนา ไปให้แก่ทางพวกบริษัทพัฒนาที่ดิน โดยที่ไม่ได้มีการปรึกษาหารือหรือการให้เงินชดเชยอย่างถูกต้องเหมาะสมเลย
ครั้นแล้วในเดือนเมษายน 2012 กองกำลังความมั่นคงจำนวนหลายพันคนก็ได้บุกเข้าปราบปรามสลายการประท้วงของมวลชนชาวนา ซึ่งถือเป็นเหตุปะทะกันเนื่องจากที่ดินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในเวียดนามในระยะไม่กี่ปีหลังๆ นี้ ทั้งนี้ตำรวจได้ระดมยิงปืนขู่และยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ ขณะที่ชาวนาต่อต้านตอบโต้ด้วยการขว้างก้อนอิฐ, ขวดแก้ว, ก้อนหิน, และระเบิดขวดน้ำมัน
ที่ดินสำหรับใช้ทำโครงการอีโคปาร์กนั้น ถูกเวนคืนไปเป็น 2 ระลอก คือเมื่อปี 2009 และปี 2012 แต่มีชาวบ้านหลายพันหลังคาเรือนปฏิเสธไม่ยอมรับค่าชดเชยจากรัฐบาลแล้วย้ายออกไปแต่โดยดี พวกเขาบอกว่าจำนวนเงินชดเชยที่จะให้นั้นต่ำกว่าหนี้สินที่พวกเขามีอยู่เป็นอย่างมาก
ภายหลังเกิดเหตุปะทะขึ้นในปี 2012 แล้ว ชาวบ้านก็ได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลประชาชนอำเภอวันเกียง ในเดือนพฤษภาคมปีนั้น โดยเรียกค่าเสียหายจากประธานคณะกรรมการอำเภอ จากการที่ขับไล่พวกเขาตอนแรกสุดเมื่อปี 2009
ในเดือนสิงหาคม 2012 ศาลตัดสินว่าไม่รับพิจารณาคำฟ้องของชาวบ้านเหล่านี้ โดยบอกว่าคดีนี้มีหลักฐานไม่พียงพอ
โครงการอีโคปาร์กนั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาเขตเมืองในระยะยาวของกรุงฮานอย โดยที่รัฐบาลอนุมัติให้บริษัทเวียตฮุง เป็นผู้พัฒนาดำเนินโครงการ
ในเวียดนาม ที่ดินทั้งหมดถือเป็นของรัฐ โดยที่ประชาชนมีเพียงสิทธิที่จะใช้ที่ดินเท่านั้น แต่การเวนคืนที่ดินก็ได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างใหญ่โตอยู่บ่อยครั้ง
แมค ลัมเป็นผู้รายงานข่าวนี้ให้แก่วิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเวียดนาม (Radio Free Asia's Vietnamese Service และ โจชัว ลิปส์ (Joshua Lipes) เขียนเป็นภาษาอังกฤษ
วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia ใช้อักษรย่อว่า RFA) ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากเงินให้เปล่าของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน RFA เป็นผู้ดำเนินการสถานีวิทยุและบริการข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต