รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีรักษาการของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เผยในวันอังคาร (21) พร้อมเปิดการเจรจากับบรรดากลุ่มติดอาวุธภายในประเทศ เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่อดีตดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในสาธารณรัฐแอฟริกากลางมีขึ้นหลังจากที่นางแคเธอรีน ซัมบา-ปันซา นายกเทศมนตรีกรุงบังกีได้รับแต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการในวันจันทร์ (20) แทนที่มิเชล โฌโตเดีย อดีตผู้นำกลุ่มกบฏเซเลกาที่อยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหารเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และการแต่งตั้งเธอเป็นผู้นำขัดตาทัพก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้แทนของกลุ่มกบฏมุสลิมดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ สาธารณรัฐแอฟริกากลางตกอยู่ในสภาพไร้ขื่อแปอย่างถึงที่สุด จนโฌโตเดียต้องยอมสละอำนาจเมื่อวันที่ 10 มกราคม หลังถูกนานาชาติกดดันหนัก เพราะไม่สามารถยุติช่วงเวลาหลายเดือนแห่งการนองเลือดที่มีการเข่นฆ่ากันระหว่างกลุ่มติดอาวุธของชาวมุสลิมและชาวคริสต์ได้
โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นนานหลายเดือนในอดีตอาณานิคมฝรั่งเศสแห่งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 2,000 คน ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขณะที่ประชาชนอีกมากกว่า 1 ล้านคน หรือราว 1 ใน 4 ของประเทศต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพ ส่วนสนามบินนานาชาติในกรุงบังกีก็ต้องทำหน้าที่เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวที่รองรับผู้อพยพมากกว่า 100,000 ชีวิต
ด้าน พล.อ.อุสมาน มามาดู อุสมาน ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปทางทหารของกลุ่มกบฏมุสลิมเซเลกา ออกมาตอบรับท่าทีของรักษาการผู้นำหญิง โดยยืนยันกลุ่มกบฏเซเลกาพร้อมให้การสนับสนุนประธานาธิบดีคนใหม่ ในการนำสันติภาพกลับคืนสู่สาธารณรัฐแอฟริกากลาง
ขณะที่โฆษกของกลุ่มติดอาวุธของชาวคริสต์ก็แถลงตอบรับท่าทีของผู้นำคนใหม่โดยแสดงความมั่นใจว่าประธานาธิบดีหญิงแคเธอรีน ซัมบา-ปันซา จะสามารถยุติความรุนแรงในประเทศได้
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนที่เมืองบัง ใกล้กับชายแดนด้านที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างชาดและแคเมอรูน หลังเกิดการโจมตีแก้แค้นกันไปมาระหว่างกลุ่มติดอาวุธของชาวคริสต์กับพวกกบฏมุสลิมในพื้นที่
ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรป (อียู) ตัดสินใจส่งกำลังทหารของตนจำนวน 500 นาย เข้ามายังสาธารณรัฐแอฟริกากลางเพื่อให้การสนับสนุนต่อทหารของฝรั่งเศส 1,600 นายเพื่อควบคุมสถานการณ์ในดินแดนที่อุดมไปด้วยทรัพยากรแร่ธาตุ และเป็นบ้านของประชากรกว่า 4.6 ล้านคนแห่งนี้
