เอเอฟพี – องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกมาเตือนว่า สถานการณ์นองเลือดในสาธารณรัฐแอฟริกากลางอาจถลำลึกลงสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในที่สุด ในเวลาที่ประชาชนต่างหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รัฐสภากำลังเตรียมการสรรหาผู้นำประเทศคนใหม่
แม้ว่า อดีตประธานาธิบดี มิเชล โจโตเดีย แห่งสาธารณรัฐแอฟริกากลางจะตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งในสัปดาห์ที่แล้ว หลังได้รับแรงกดดันจากระดับภูมิภาค ทว่าความรุนแรงในประเทศซึ่งตกอยู่ในสภาวะไร้เสถียรภาพอย่างมากแห่งนี้กลับไม่ได้บรรเทาเบาบางลงเลย และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็มีประชาชนถูกสังหารไปอีก 7 ราย
เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น “มีลักษณะเหมือนกับที่เราพบเห็นในประเทศอื่นๆ ทุกประการ อย่างรวันดา บอสเนีย คือมีลักษณะไปในทางเดียวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างไม่ต้องสงสัย” จอห์น กิง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติแถลงกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาวานนี้ (16) หลังการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแอฟริกากลางเป็นเวลา 5 วัน
ฝ่ายกองกำลังนานาชาติกำลังพยายามคืนความสงบเรียบร้อย ขณะที่ประเทศนี้ถลำลึกลงไปในสงครามระหว่างสองศาสนา หลังมีการก่อรัฐประหารในเดือนมีนาคม ปีที่แล้ว เมื่อกลุ่มกบฏมุสลิม “เซเลกา” ลุกขึ้นโค่นล้มอำนาจของประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โบซิเซ
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงว่า กองทัพอเมริกันวานนี้ (16) ได้เริ่มส่งกำลังทหารชุดแรกของกองพันทหารรวันดาเข้าไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลาง เพื่อปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองกำลังของสหภาพแอฟริกาแล้ว
ทั้งนี้ ทหารรวันดาจะเข้าประจำการกับกองกำลังสหภาพแอฟริกา ซึ่งประกอบด้วย ทหารจากบุรุนดี แคเมอรูน สาธารณรัฐคองโก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนคองโก กาบอง ชาด และอีเควทอเรียลกินี โดยในขณะนี้กองกำลังของสหภาพแอฟริกากำลังปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทหารฝรั่งเศสราว 1,600 นาย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในพื้นที่ทางเหนือของกรุงบังกียังคงทวีความตึงเครียดขึ้นอีก โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดที่มีกองทหารฝรั่งเศสคอยลาดตระเวนเพื่อระงับเหตุไม่สงบระหว่างอดีตกบฏมุสลิม กับประชาชนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ หลังเกิดการรัฐประหารซึ่งทำให้ประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเลและยากจนแห่งนี้ต้องถลำลึกเข้าไปในความสับสนวุ่นวาย
ประชาชนบางส่วนในพื้นที่นี้กล่าวหาว่า ทหารฝรั่งเศสยิงประชาชนขณะตรวจการณ์ “พวกเขายิงชาย 3 คน” วัยรุ่นคนหนึ่งกล่าวพร้อมทั้งชี้ไปยังปลอกกระสุนซึ่งร่วงอยู่
กองทัพฝรั่งเศสได้ยอมรับว่าเกิดการปะทะกันขึ้นจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคนทั้งสาม
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง มีต้นเหตุจากการที่พวกกบฏมุสลิมเซเลกาปล้นบ้านเรือนและสังหารชาวคริสต์จำนวนมาก ทำให้พวกชาวคริสต์จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธของตนเองเพื่อแก้แค้น โดยเหตุรุนแรงทางศาสนาในอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสแห่งนี้ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในแอฟริกากลางต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพและมีผู้ถูกสังหารกว่า 1,000 คนในเดือนธันวาคม
โดยรัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกประกาศอพยพพลเมืองของตนออกนอกประเทศไปเกือบ 30,000 คน ขณะที่กำลังทหารของฝรั่งเศสจำนวน 1,600 นายและทหารรักษาสันติภาพอีก 4,000 คนจากองค์การเอกภาพแอฟริกันที่ถูกส่งเข้ามาในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ยังคงล้มเหลวในการนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาโดยเฉพาะในกรุงบังกี