xs
xsm
sm
md
lg

ทีมวิจัย ม.พรินซ์ตัน ชี้ “เฟซบุ๊ก” ใกล้ถึงจุดจบ จำนวนผู้ใช้อาจหายไปถึง 80% ภายในปี 2017

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลการวิจัยล่าสุดในสหรัฐฯ ชี้เครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลกอย่าง “เฟซบุ๊ก” จะพบกับ “จุดจบที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้” โดยคาดว่าโซเชียลมีเดียยอดฮิตนี้จะสูญเสียผู้ใช้งานหรือ “ยูสเซอร์” มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า

รายงานข่าวที่มีการเผยแพร่ไปทั่วสหรัฐฯ ในวันอังคาร (21) ซึ่งอ้างผลการวิจัยของทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไอที และด้านสังคมวิทยา จาก “มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน” ในมลรัฐนิวเจอร์ซีย์ ระบุว่า เฟซบุ๊กซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกถึงกว่า 1,200 ล้านคน และมีมูลค่าทางการตลาดในปัจจุบันสูงกว่า 104,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.4 ล้านล้านบาท) จะต้องเผชิญกับภาวะเสื่อมถอยครั้งใหญ่และอาจสูญเสียยูสเซอร์ในสัดส่วนที่สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2017 หรืออีก 3 ปีจากนี้

ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันระบุว่า เฟซบุ๊กได้ก้าวผ่านจุดที่ “พีกที่สุด” ไปแล้ว ทั้งในด้านของความนิยม และด้านธุรกิจ ดังนั้น ชะตากรรมของเฟซบุ๊กจึงไม่ต่างจากเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ เช่น มายสเปซ ที่ต้องเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอยหลังจากเคยได้รับความนิยมสูงสุด

โดยทีมวิจัยคาดว่า เฟซบุ๊กจะเริ่มสูญเสียผู้ใช้งานอย่างสำคัญนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นไป และกว่าจะถึงปี 2017 ก็มีความเป็นไปได้ที่จำนวนยูสเซอร์ของเฟซบุ๊กอาจหายไปถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์จากระดับในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันที่ถูกเผยแพร่ออกมาล่าสุด ขัดแย้งกับผลการสำรวจของบริษัท “GWI” ที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (21) เช่นกัน ที่ระบุว่าเฟซบุ๊กยังเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ประชากรทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่ม “วัยรุ่น” แม้จำนวนผู้ใช้งานเฟซบุ๊กจะลดจำนวนลงมาแล้ว 3 เปอร์เซ็นต์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2013 ที่ผ่านมา

ผลสำรวจของ “GWI” พบว่า เฟซบุ๊กยังคงเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก โดยมีบัญชีผู้ใช้งานในระดับสูงสุดถึง 83 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยยูทิวบ์ (59%), กูเกิล พลัส (58%) และทวิตเตอร์ (51%)

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจของ GWI กลับพบข้อมูลที่น่าตกใจว่า แม้เฟซบุ๊กจะมีสัดส่วนของบัญชีผู้ใช้ที่สูงที่สุดในโลกถึง 83 เปอร์เซ็นต์ แต่เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2004 แห่งนี้กลับเหลือจำนวน “active user” หรือผู้ที่เข้าใช้งานเป็นประจำเพียงแค่ 49 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น