เอเจนซีส์ - ผู้ประท้วงในยูเครนยังคงเผชิญหน้ากับกองกำลังความมั่นคงในกรุงเคียฟ วันจันทร์ (20 ม.ค.) หลังเกิดเหตุปะทะโดยไม่คาดคิดตั้งแต่ช่วงเย็นวันอาทิตย์ (19) ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 ราย และบางจุดกลายเป็นสนามรบ ล่าสุดแม้ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช ยอมตั้งคณะทำงานหารือเพื่อยุติวิกฤตกับตัวแทนฝ่ายค้าน แต่ตัวเขายังยืนกรานไม่ลาออก
การปะทะในวันอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงยูเครนในระหว่างการประท้วงอันยืดเยื้อมาเป็นแรมเดือนแล้วระลอกนี้ ได้ระเบิดขึ้นท่ามกลางความโกรธแค้นกฎหมายฉบับใหม่ที่รัฐบาลผลักดันออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวมุ่งจำกัดขัดขวางการชุมนุม หลังจากที่ได้มีประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงประธานาธิบดียานูโควิช ที่ปฏิเสธไม่ยอมลงนามข้อตกลงการกระชับความสัมพันธ์ทางการเมืองและการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อปลายปีที่แล้ว
การชุมนุมอย่างสงบที่มีผู้เข้าร่วมราว 200,000 คนในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ณ จัตุรัสเอกราช และพื้นที่โดยรอบของกรุงเคียฟ เพื่อต่อต้านกฎหมายที่รัฐสภาผ่านความเห็นชอบและส่งต่อให้ยานูโควิชลงนามบังคับใช้ ได้กลับกลายเป็นสนามรบในบริเวณใกล้ๆ กับรัฐสภาและสนามฟุตบอลของสโมสรไดนาโม เคียฟ โดยรถบัสของตำรวจและรถของประชาชนทั่วไปรวม 7 คันถูกเผา ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งขว้างปาก้อนหินและระเบิดขวดเข้าใส่กองกำลังรักษาความมั่นคง ซึ่งตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ระเบิดแสง กระสุนยาง และหัวฉีดน้ำ
สถานีทีวีของฝ่ายค้านยูเครนถ่ายทอดภาพชายหนุ่ม 2 คนถูกจับถอดเสื้อผ้าและให้กองกำลังความมั่นคงระดมยิงด้วยกระสุนยาง
ตามตัวเลขของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขในกรุงเคียฟ การปะทะคราวนี้มีผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน โดยที่ 4 คนซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ตาและแขนขามีอาการสาหัส ขณะที่กระทรวงมหาดไทยแถลงว่า มีสมาชิกของกองกำลังความมั่นคงกว่า 100 คนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน นอกจากนั้นทางกระทรวงยังแถลงก่อนหน้านั้นว่า จับกุมผู้ก่อการจลาจลไป 20 คน
พวกผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งรวมถึงวิตาลี คลิตช์โก อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวีเวต และอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค ได้พยายามเรียกร้องให้ผู้ประท้วงงดใช้ความรุนแรงแต่ไม่เป็นผล โดยล่าสุดยังไม่มีความชัดเจนว่า ใครอยู่เบื้องหลังการนำมวลชนเข้าปะทะกับตำรวจ ซึ่งดูเหมือนว่ามีการจัดตั้งมาอย่างดี ขณะที่สื่อท้องถิ่นเชื่อว่า กลุ่มยุวชนปีกขวา “ไรต์ เซ็กเตอร์” ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก อาจอยู่เบื้องหลังการปลุกระดมความรุนแรงนี้
เช่นเดียวกัน เซอร์ฮิว บูร์ลาคอฟ โฆษกรัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน กล่าวหาว่า ผู้ยั่วยุและพวกหัวรุนแรงเป็นตัวการทำให้เกิดการเผชิญหน้า พร้อมเรียกร้องไม่ให้ประชาชนทำตามการปลุกระดมของบุคคลเหล่านั้น และว่า ตำรวจได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและเปิดการสอบสวนข้อหาอาญาแล้ว
ที่วอชิงตัน ทำเนียบขาวเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในยูเครน โดยเคทลิน เฮย์เดน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แถลงว่า อเมริกากังวลอย่างลึกซึ้งและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการทำให้สถานการณ์บานปลายทันที และเตือนว่า อเมริกายังคงพิจารณามาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ยูเครนเพิ่มเติมจากการใช้กำลังกับผู้ประท้วง
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลยูเครนพยายามหาทางประนีประนอมโดยการเชิญคลิตช์โกเข้าพบประธานาธิบดีที่ที่พักนอกกรุงเคียฟเมื่อคืนวันอาทิตย์ และสัญญาว่า จะมอบหมายให้แอนดริว คลูเยฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคลี่คลายวิกฤต โดยคณะกรรมการชุดนี้จะประกอบด้วยตัวแทนจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน และเริ่มประชุมกันในวันจันทร์
ภายหลังการเข้าพบ คลิตช์โกให้สัมภาษณ์ทีวีออนไลน์ช่องหนึ่งว่า ยาคูโนวิชดูเหมือนกังวลมากกับเหตุการณ์รุนแรงล่าสุด ทว่า ยังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องหลักในการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
นอกจากนี้ ฝ่ายค้านยังเตือนว่า คณะทำงานพิเศษต้องมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่พยายามซื้อเวลาให้ยานูโควิชเท่านั้น
หลังจากการปะทะรุนแรงต่อเนื่องข้ามมาจนถึงย่ำรุ่งวันจันทร์ สถานการณ์เริ่มสงบลง อย่างไรก็ตาม ถึงตอนเช้าวันจันทร์ ยังคงมีผู้ประท้วงหลายพันคนออกมารวมตัวกันอยู่บนท้องถนนท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บขั้นติดลบ และยังมีผู้ประท้วงบางส่วนขว้างก้อนหินหรือระเบิดขวดเข้าใส่แนวตำรวจเป็นครั้งคราว
ทั้งนี้ กฎหมายที่เป็นเป้าหมายการประท้วงล่าสุดนั้น ให้ลงโทษจำคุกผู้กีดขวางการเข้าออกอาคารสาธารณะ สูงสุด 5 ปี รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ประท้วงที่สวมหน้ากากหรือหมวกปิดคลุมใบหน้า ตลอดจนห้ามการเผยแพร่ “การใส่ร้ายป้ายสี” ทางอินเทอร์เน็ต
อย่างไรก็ดี ผู้ประท้วงจำนวนไม่น้อยเริ่มแสดงความไม่พอใจมากขึ้นที่ผู้นำฝ่ายค้านขาดแผนการที่ชัดเจน แม้เป็นแกนนำการชุมนุมมาเกือบ 2 เดือนแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ยูเลีย ทิโมเชนโก ศัตรูสำคัญของยานูโควิช ยังคงถูกคุมขัง และแกนนำการชุมนุมชิงดีชิงเด่นกันเนื่องจากจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า
กระนั้น ในระหว่างการชุมนุมวันอาทิตย์ ไอฮอร์ เทนยุคห์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่ถูกยานูโควิชปลดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขึ้นเวทีเรียกร้องให้ทหารขัดขืนคำสั่งผิดกฎหมายจากรัฐบาล และหันมารับใช้ประชาชนตามที่ได้ให้สัตย์สาบานไว้
