xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ยูเครนเริ่มใช้ กม.ปราบประท้วง มอสโกตอกหน้าอียูหยุดแทรกแซง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเจนซี - กฎหมายต่อต้านการชุมนุมประท้วงของยูเครน ที่เป็นต้นเหตุจลาจลในกรุงเคียฟมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันอังคาร (21 ม.ค.) ขณะที่การปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับตำรวจล่วงเข้าสู่วันที่ 3 ด้านรัสเซียออกมาปรามยุโรปเลิกแทรกแซงวิกฤตการเมืองยูเครน พร้อมแสดงความกังวลการใช้ความรุนแรงของผู้ประท้วงอาจทำให้สถานการณ์ลุกลามเกินควบคุม

กฎหมายฉบับใหม่ที่ห้ามการประท้วงเกือบทุกรูปแบบ ได้รับการเผยแพร่อย่างเป็นทางการในหนังสือพิมพ์ของรัฐสภายูเครนแล้วในวันอังคาร โดยมีบทลงโทษจำคุกผู้ที่กีดขวางการเข้าออกอาคารสาธารณะ สูงสุด 5 ปี และให้อำนาจเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ประท้วงที่สวมหน้ากากหรือหมวกปกปิดใบหน้า อีกทั้งยังห้ามการใส่ร้ายป้ายสีบนอินเทอร์เน็ต

การบังคับใช้กฎหมายนี้มีขึ้นท่ามกลางการคัดค้านจากตะวันตกที่เกรงว่า รัฐบาลยูเครนอาจใช้เป็นข้ออ้างในการสลายการชุมนุมของฝ่ายค้านด้วยความรุนแรง

ทั้งนี้ การปะทะระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลกับตำรวจในวันอาทิตย์และต่อเนื่องถึงคืนวันจันทร์ (19-20) ส่งผลให้บริเวณกลางเมืองหลวงกลายเป็นเขตสงคราม โดยมีผู้ประท้วงราว 10,000 คนต่อสู้กับหน่วยความมั่นคง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท้องฟ้ายามราตรีในกรุงเคียฟในช่วงดังกล่าวสว่างไสวด้วยพลุและระเบิดส่องสว่าง ส่วนท้องถนนดังกึกก้องด้วยเสียงตีเกราะเคาะไม้ของผู้ประท้วง โดยการปะทะเริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์ขณะที่มีผู้ประท้วงราว 200,000 คนชุมนุมต่อต้านกฎหมายใหม่ที่ “จัตุรัสเอกราช” และบริเวณโดยรอบ

เหตุรุนแรงคราวนี้ทำให้ประชาชนกว่า 200 คนแล้วได้รับบาดเจ็บ แต่ยังมีชาวยูเครนจำนวนมากออกมาเผชิญหน้ากับตำรวจท่ามกลางความหนาวเย็นติดลบ 10 องศาเซลเซียส

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยว่า ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บมี 3 รายตาบอด และอีกรายต้องตัดแขนข้างหนึ่ง ขณะที่กระทรวงมหาดไทยระบุว่า สมาชิกกองกำลังความมั่นคงกว่า 100 คนบาดเจ็บ และจับกุมผู้ก่อความรุนแรงได้หลายสิบคน

วันจันทร์ยังมีการปะทะเกิดขึ้น โดยศูนย์กลางเหตุรุนแรงอยู่หน้าสนามฟุตบอลของสโมสรไดนาโม เคียฟ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างหลบอยู่หลังสิ่งกีดขวาง ทางผู้ประท้วงนั้นโจมตีตำรวจด้วยก้อนหิน ระเบิดขวด และพลุ รวมถึงแสงเลเซอร์เพื่อให้ตำรวจตาพร่า ส่วนตำรวจตอบโต้ด้วยระเบิดส่องสว่าง กระสุนยาง และแก๊สน้ำตา

วิตาลี คลิตช์โก ผู้นำฝ่ายค้านและอดีตแชมป์มวยโลก กล่าวหารัฐบาลจ้างนักเลงมาสร้างสถานการณ์ด้วยการทำลายอาคารสถานที่และเผารถ เพื่อให้การประท้วงขาดความชอบธรรมทางกฎหมาย

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนผู้นำฝ่ายค้านซึ่งรวมถึงอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค ไม่สามารถห้ามปรามกลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงได้ ซึ่งแม้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ใครอยู่เบื้องหลังความรุนแรงนี้ แต่สื่อยูเครนเชื่อว่า น่าจะเป็นกลุ่มยุวชนปีกขวาที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักที่ชื่อว่า ไรต์ เซ็กเตอร์

ทว่า ยูเลีย ทิโมเชนโก ผู้นำฝ่ายค้านและอดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังถูกคุมขังอยู่ กลับประกาศสนับสนุนและยกย่องผู้ชุมนุมที่ปะทะกับตำรวจเป็นวีรบุรุษ

วันเดียวกัน ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช แถลงทางทีวีเตือนว่า ความรุนแรงในกรุงเคียฟกำลังคุกคามเสถียรภาพของประเทศที่แบ่งเป็นสองฝ่าย ระหว่างประชาชนทางฟากตะวันตกของประเทศที่สนับสนุนยุโรป กับฟากตะวันออกที่สนับสนุนรัสเซีย คำเตือนนี้บ่งชี้ว่า ความอดทนของยานูโควิชใกล้หมดลงทุกที อย่างไรก็ตาม เขายังคงเปิดทางสำหรับการเจรจาคลี่คลายวิกฤต โดยได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาหารือกับฝ่ายค้าน

ทางด้านฝ่ายค้านเผยว่า พร้อมเจรจาเช่นกัน แต่ต้องการคุยกับยานูโควิชเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ช่วยประธานาธิบดี

ส่วนที่วอชิงตัน ทำเนียบขาวเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในยูเครนยุติความรุนแรง เคทลิน เฮย์เดน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติเตือนว่า อเมริกากำลังพิจารณามาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ยูเครน

ที่บรัสเซลส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ประชุมกันในวันจันทร์และประณามเหตุรุนแรงโดยระบุว่า รัฐบาลยูเครนผิดพลาดในการออกกฎหมายที่กดขี่ผู้ประท้วง

ทว่า ในวันอังคาร เซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ก่อนหน้านี้ตบรางวัลยูเครนด้วยแพ็คเกจความช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ หลังจากยานูโควิชไม่ยอมลงนามข้อตกลงกระชับสัมพันธ์ทางการค้าและการเมืองกับอียู ซึ่งเป็นที่มาการประท้วงเมื่อสองเดือนก่อนนั้น ได้เรียกร้องให้ยุโรปงดแทรกแซงวิกฤตการเมืองยูเครน

ลาฟรอฟยังวิจารณ์การใช้ความรุนแรงของผู้ประท้วงยูเครน โดยระบุว่า เป็นพฤติกรรมที่ละเมิดมาตรฐานทั้งสิ้นทั้งปวงของยุโรป พร้อมกับเรียกร้องฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำฝ่ายค้านยูเครน ให้ใช้ความสุขุมรอบคอบเนื่องจากเกรงว่า สถานการณ์อาจลุกลามเกินความควบคุม
กำลังโหลดความคิดเห็น