เอเอฟพี - อันวาร์ อิบรอฮีม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย ยอมรับในวันนี้ (20) ว่ารู้สึก “งงและช็อก” หลังถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ ขณะที่พรรคของเขาก็ตั้งคำถามว่ารัฐบาลมาเลเซียอาจอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่
อันวาร์ ซึ่งแพ้เลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เปิดเผยว่า เขาได้เดินทางไปญี่ปุ่นด้วยธุระส่วนตัวเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (19) แต่ถูกเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบินนานาชาตินาริตะห้ามไม่ให้เข้าประเทศ โดยอ้างคำตัดสินของศาลมาเลเซียเมื่อปี 1999 ที่ระบุให้ อันวาร์ มีความผิดฐานรักร่วมเพศและทุจริต
คำตัดสินดังกล่าวทำให้นักการเมืองดาวรุ่งอย่างอันวาร์ ต้องหลุดออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และถูกจำคุกนานถึง 6 ปี ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเพียงแผนใส่ร้ายป้ายสีจากศัตรูทางการเมืองของเขา
“เหตุการณ์นี้ทำให้ผมงงและช็อกมาก... นี่ไม่ใช่วิธีที่ประเทศประชาธิปไตยจะปฏิบัติต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน หรืออดีตนักการเมืองของประเทศใด” อันวาร์กล่าว
ผู้นำแนวร่วมฝ่ายค้าน ปากาตัน รักยัต ยังเรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซีย “ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยื่นหนังสือประท้วงต่อรัฐบาลโตเกียว”
อันวาร์ ได้ประท้วงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น โดยอธิบายว่าคำตัดสินของศาลเมื่อปี 1999 ไม่ใช่เหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นจะปฏิเสธการเข้าประเทศของเขา และเขาเองก็เคยมาเยือนญี่ปุ่นแล้วถึง 3 ครั้งตั้งแต่ปี 2006 โดยไม่ถูกขัดขวางใดๆ
ด้านเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นให้คำตอบกลับมาง่ายๆว่า พวกเขาต้องปฏิบัติตาม “รายงาน” ชี้มูลความผิดของ อันวาร์ ซึ่งเพิ่งจะได้รับมาเร็วๆนี้
ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียได้รับคำเชิญจากเอ็นจีโอในญี่ปุ่นให้ไปปาฐกถาเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคนต่างศาสนา แต่เมื่อไม่สามารถเข้าประเทศได้ เขาจึงตัดสินใจขึ้นเครื่องบินกลับมาเลเซียทันที
อันวาร์ กลับมาโพสต์ข้อความในบล็อกส่วนตัวว่า อาจมี “มือที่มองไม่เห็น” ขัดขวางการเดินทางไปญี่ปุ่นของเขา และเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียอธิบายเรื่องนี้ ซึ่งล่าสุดยังไม่มีคำตอบใดๆ จากทางรัฐบาล
ด้านพรรคพีเพิลส์ จัสติส ปาร์ตี ซึ่งมีอันวาร์เป็นหัวหน้าพรรค ก็ได้ออกถ้อยแถลงว่า “การที่ อันวาร์ อิบรอฮีม ถูกทางการญี่ปุ่นปฏิเสธการเข้าประเทศ ก่อให้เกิดคำถามอย่างจริงจังว่า รัฐบาลมาเลเซียมีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้หรือไม่”
แนวร่วมรัฐบาลมาเลเซีย บาริซาน เนชันแนล (บีเอ็น) เริ่มสูญเสียคะแนนนิยมและได้ที่นั่งในสภาลดลงเรื่อยๆ ภายหลังจากที่ อันวาร์ ผันตัวไปเป็นผู้นำฝ่ายค้านในปี 2008 ซึ่งพรรคของเขาก็อ้างว่า รัฐบาลเริ่มใช้วิธีข่มขู่และใส่ร้ายป้ายสีเพื่อจะทำลายชื่อเสียงของ อันวาร์
หลังจากที่พรรคอันวาร์ได้คะแนนเสียงท่วมท้นในศึกเลือกตั้งปี 2008 เขาก็ถูกตั้งข้อหามีเพศสัมพันธ์ผิดธรรมชาติกับอดีตผู้ช่วยชาย ซึ่งถือเป็นคดีรักร่วมเพศครั้งที่ 2 ที่ อันวาร์ ตกเป็นผู้ต้องหา และกฎหมายมาเลเซียนั้นถือว่าการมีพฤติกรรมรักร่วมเพศเป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
ศาลมาเลเซียตัดสินให้ อันวาร์ พ้นผิดคดีรักร่วมเพศในปี 2012 ทว่ารัฐบาลยังคงยื่นอุทธรณ์เพื่อเอาผิดให้ได้
ต่อมาในปีเดียวกัน อันวาร์ ถูกตั้งข้อหาปลุกปั่นให้คนออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลโดยผิดกฎหมาย แต่ศาลเพิ่งตัดสินยกฟ้องไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา