เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียประกาศกร้าว ขอเดินหน้าประท้วงผลการเลือกตั้งใน 30 เขตที่ผู้สมัครของฝ่ายค้านพ่ายแพ้แบบค้านสายตา ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ (5) ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนฝ่ายค้านราว 80,000 คนเข้าร่วมการชุมนุม เพื่อแสดงพลังต่อต้านการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสในคืนวันพุธ (8)ที่ผ่านมา
อันวาร์วัย 65 ปีซึ่งเคยมีตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในระหว่างปี 1993-1998 กล่าวต่อกลุ่มผู้สนับสนุนที่เข้าร่วมชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ณ สนามกีฬาแห่งหนึ่งนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยยืนยันจะเดินหน้าคัดค้านผลการเลือกตั้งใน 30 เขต ที่ผู้สมัครของพรรคร่วมฝ่ายค้าน “ปากาตัน รักยัต” ทั้ง 3 พรรคประสบความพ่ายแพ้ต่อผู้สมัครของฝ่ายรัฐบาลแบบน่ากังขา โดยเขามั่นใจว่า การต่อสู้ตามแนวทางนี้มากพอที่จะก่อให้เกิดการพลิกผันของผลการเลือกตั้งได้
ด้านคณะกรรมการการเลือกตั้งมาเลเซียเผย ผู้สมัครที่ข้องใจในผลการเลือกตั้งมีเวลา 21 วันในการยื่นเรื่องร้องเรียน และหากมีการตรวจสอบพบการทุจริตจริงตามข้อร้องเรียน ผู้พิพากษาก็จะออกคำสั่งให้มีการเลือกตั้งซ่อมในเขตที่พบปัญหา
ในส่วนของการนัดชุมนุมของผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านเมื่อคืนวันพุธ (8) ในรัฐเซลังงอร์นั้น รอฟิซี รัมลี ผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์ของพรรคพีเพิล'ส จัสทิซของนายอันวาร์ระบุว่า มีผู้เดินทางมาร่วมชุมนุมสูงถึงราว 80,000 คน ทั้งที่มีฝนตกหนักและมีคำขู่จากทางการมาเลเซียว่าจะจับกุมผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมของฝ่ายค้าน ขณะที่ข้อมูลของตำรวจเผยว่า ผู้เข้าร่วมการชุมนุมของฝ่ายค้านมีจำนวนประมาณ 60,000 คน
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียที่มีขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาลบาริซัน เนชันแนล (บีเอ็น)ที่มีพรรคอัมโนของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคเป็นแกนสามารถคว้ามาได้ 133 ที่นั่ง ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อน 7 ที่นั่ง ส่วนแนวร่วมฝ่ายค้ายภายใต้การนำของนายอันวาร์ได้ 89 ที่นั่งเพิ่มขึ้น 7 ที่นั่ง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าแนวร่วมฝ่ายของนายอันวาร์ได้รับคะแนน “ป๊อปปูลาร์ โหวต” สูงกว่า พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ราว 5.6 ล้านเสียง ต่อ 5.2 ล้านเสียง
ขณะเดียวกัน รายงานที่ออกโดย สถาบันเพื่อกิจการเศรษฐกิจและประชาธิปไตย(Institute for Democracy and Economic Affairs ใช้อักษรย่อว่า IDEAS) และศูนย์เพื่อการศึกษานโยบายสาธารณะ (Center for Public Policy Studies ใช้อักษรย่อว่า CPPS) จัดทำร่วมกันระบุว่า จากการสังเกตการณ์อย่างอิสระและเป็นกลางได้ข้อสรุปว่า การเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5) มีความเป็นอิสระเพียงบางส่วนและไม่ยุติธรรมแต่อย่างใด
กลุ่มอิสระทั้งสองเผยว่า แม้การลงคะแนนและการจัดการเกี่ยวกับบัตรลงคะแนนโดยทั่วไป จะได้รับการดำเนินการอย่างราบรื่น ทว่ายังมีปัญหาอีกมากที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าโน้มเอียงเข้าข้างรัฐบาล เป็นต้นว่า หมึกพิมพ์นิ้วมือที่รัฐบาลอ้างว่าลบไม่ได้และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการเวียนเทียนลงคะแนนหลายรอบนั้น กลับสามารถลบออกอย่างง่ายดาย รวมถึง การนำกลไกรัฐบาลรวมทั้งสื่อของรัฐไปใช้โดยพรรคร่วมรัฐบาล เป็นต้น