รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - คลื่นความร้อนอันเข้มข้น และกระแสลมแรงได้พัดโหมกระพือไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ในหลายสิบจุดทั่วออสเตรเลียวันนี้ (17 ม.ค.) ส่งผลให้ประชาชนหลายร้อยคนต้องละทิ้งบ้านเรือนท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดไฟป่า “แบล็กแซทเทอร์เดย์” ซึ่งกลืนกลินชีวิตชาวแดนจิงโจ้ไป 173 ราย ในปี 2009
พบผู้เสียชีวิตหนึ่งรายที่อุทยานแห่งชาติ “แกรมเปียนส์” ในรัฐวิกตอเรีย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งอยู่ห่างจากเมลเบิร์นไปทางตะวันตก 300 กิโลเมตร พื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดที่ไฟป่ากำลังลุกไหม้รุนแรงจนเกินจะควบคุม ส่งผลให้อุณหภูมิของพื้นที่โดยรอบพุ่งขึ้นสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ทั้งยังเผาผลาญและสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย
วิกตอเรียเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบหนัก ในเวลาที่เกิดไฟป่ารุนแรงจนเกินจะควบคุมใน 70 จุดของออสเตรเลีย โดยรัฐอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เซาท์ออสเตรเลีย เวสต์เทิร์นออสเตรเลีย และนิวเซาท์เวลส์
เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจได้ประกาศเตือนภัยใน 7 พื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายหนัก กระตุ้นให้ชาวบ้านหลายร้อยคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
เครก แลปสลีย์ อธิบดีกรมดับเพลิงวิกตอเรียกล่าวว่า ไฟที่ไหม้กินพื้นที่ 131,250 ไร่ในอุทยานแกรมเปียนส์นั้นรุนแรงมากจนส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศ โดยทำให้เกิดฟ้าผ่าและและไฟลุกไหม้เพิ่มขึ้นอีกหลายจุด
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของกระแสลมแรงจากทิศใต้ และพายุฝนฟ้าคะนองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันนี้ (17) อาจส่งผลให้ไฟลุกลามมากกว่าเดิม
ทั้งนี้ พื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียได้ถูกคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศได้กล่าวเตือนว่า คลื่นความร้อนอาจเข้มข้นและกินเวลานานกว่าเดิม ทำให้เกิดความกังวลในชะตากรรมของพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งพืชผลทางการเกษตรของออสเตรเลียแห่งนี้