เอเจนซีส์ - “จอมแฉ” เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ประกาศ “ภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์” หลังเริ่มเปิดโปงปฏิบัติการลับของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) รวมถึงนโยบายการสอดแนมของอเมริกาเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ยันไม่ได้ทรยศประเทศ แต่อาจแปรพักตร์จากรัฐบาลมาอยู่ข้างประชาชน
สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างของเอ็นเอสเอ บอกเรื่องนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ที่นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (24 ธ.ค.) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองตั้งแต่เดินทางถึงรัสเซียในเดือนมิถุนายน
“จอมแฉ” ผู้นี้บอกว่า เขาพอใจแล้ว เพราะขณะนี้สังคมรับรู้โครงการรวบรวมข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ขนาดใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว
“โดยส่วนตัวจึงถือว่าภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ผมชนะแล้ว”
“ในทันทีที่พวกนักหนังสือพิมพ์สามารถที่จะทำงาน (เปิดโปงเกี่ยวกับเรื่องนี้) ได้ ก็เท่ากับว่าทุกอย่างที่ผมพยายามทำนั้นกลายเป็นสิ่งที่หนักแน่นจริงจังแล้ว
“เพราะว่า ได้โปรดระลึกไว้ด้วยนะครับ ผมไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม ผมต้องการเพียงแค่ให้สังคมมีโอกาสตัดสินด้วยตัวเองว่า ควรเปลี่ยนแปลงหรือไม่”
หลังจากเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2011 การเก็บข้อมูลการสื่อสารของเอ็นเอสเอขยายขอบเขตกว้างขวางอย่างมาก
สัปดาห์ที่แล้ว คณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและข่าวกรองที่ทำเนียบขาวแต่งตั้ง ได้มีข้อเสนอแนะให้จำกัดการปฏิบัติการสอดแนมที่สำคัญบางอย่างของเอ็นเอสเอ เช่น โปรแกรมเก็บข้อมูลบันทึกการใช้โทรศัพท์นับพันล้านสาย รวมทั้งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบกันใหม่ก่อนที่สายลับวอชิงตันจะสอดแนมผู้นำต่างชาติ พร้อมเตือนว่า ขอบเขตการดำเนินการในสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของหน่วยงานนี้กว้างขวางเกินไป
มาเมื่อวันศุกร์ (20) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา พยายามไกล่เกลี่ยรอมชอมโดยกล่าวว่า ยินดีที่มีการถกเถียงเกี่ยวกับบทบาทของเอ็นเอสเอ และยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการตรวจสอบปฏิบัติการสอดแนมของหน่วยงานนี้ แต่ไม่สามารถยกเลิกได้โดยเบ็ดเสร็จ ผู้นำทำเนียบขาวสำทับว่า จะออกคำแถลงที่ชัดเจนในเดือนมกราคมเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงยกเครื่องเอ็นเอสเอ
นอกจากนั้น ผู้พิพากษารายหนึ่งของศาลชั้นต้นของสหรัฐฯ ยังออกมาเตือนว่า การเก็บรวบรวมบันทึกการใช้โทรศัพท์ของพลเมืองอเมริกันทั้งหมดของเอ็นเอสเออาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ
สำหรับผู้สื่อข่าวของวอชิงตันโพสต์ซึ่งไปสัมภาษณ์สโนว์เดนจากกรุงมอสโกคราวนี้ คือ บาร์ตัน เกลล์แมน ซึ่งก็เป็นผู้ที่ได้รับเอกสารที่อดีตพนักงานสัญญาจ้างเอ็นเอสเอผู้นี้นำออกเผยแพร่ โดยการเปิดโปงครั้งแรกของสโนว์เดนนั้นได้รับการตีพิมพ์โดยวอชิงตันโพสต์และการ์เดียนในเดือนมิถุนายน
แม้ถูกอัยการรัฐบาลสหรัฐฯ ฟ้องคดีอาญาในข้อหาจารกรรมและขโมยทรัพย์สินของรัฐบาล แต่สโนว์เดนยืนยันว่า เขาไม่เคยทรยศ
“ผมไม่ได้พยายามล้มล้างเอ็นเอสเอ แต่ต้องการปรับปรุงหน่วยงานนี้ ทุกวันนี้ผมยังทำงานให้เอ็นเอสเอ แต่พวกเขาคงเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่รับรู้เรื่องนี้”
จอมแฉเล่าว่า สมาชิกรัฐสภาเป็นผู้ตัดสินใจให้โครงการต่างๆ ของเอ็นเอสเอเป็นโครงการลับ และการที่รัฐสภา รวมถึงระบบตรวจสอบและหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกระดับ ล้มเหลวในการตรวจสอบโครงการเหล่านี้ ถือเป็นการให้สิทธิ์เขาในการออกมาเปิดโปงความลับ
การแฉโพยของสโนว์เดนปลุกให้กลุ่มสิทธิพลเมืองและกระทั่งชาติพันธมิตรของอเมริกาโกรธเคืองอย่างมาก จากรายงานที่ว่า วอชิงตันดักฟังโทรศัพท์มือถือและการใช้อินเทอร์เน็ตของประชาชนธรรมดาจำนวนเป็นพันล้าน รวมทั้งการสื่อสารอื่นๆ ของผู้นำประเทศต่างๆ
สโนว์เดนทิ้งงานรายได้งามที่เขารับจ้างทำให้กับเอ็นเอสเอขณะอยู่ในฮาวายในเดือนพฤษภาคม และหลังจากเดินทางไปที่ฮ่องกงก็กลายเป็นที่รู้จักทั่วโลกเมื่อการเปิดโปงกิจกรรมลับของเอ็นเอสเอของเขาได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ ต่อมาในเดือนมิถุนายน เขาบินไปมอสโกและได้รับอนุญาตจากรัสเซียให้ลี้ภัยชั่วคราว 1 ปี หลังจากติดอยู่ที่สนามบินในเมืองหลวงแดนหมีขาวนานเกือบ 6 สัปดาห์
ปัจจุบัน สโนว์เดนที่หลายคนยกย่องให้เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และบางคนกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ อาศัยอยู่ในสถานที่ที่ไม่เปิดเผยในมอสโก วอชิงตัน โพสต์ระบุว่า เขาเดินทางมาให้สัมภาษณ์โดยไม่มีผู้ติดตาม และไม่ได้พยายามสื่อสารแบบมีลับลมคมใน
สโนว์เดนบอกว่า มีอินเทอร์เน็ตใช้ รวมทั้งสามารถติดต่อกับทนายความและนักข่าวได้
เขายังปฏิเสธว่า ไม่ได้หันไปซบปีกปักกิ่งหรือเครมลิน
“ผมไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับรัฐบาลรัสเซีย และไม่ได้ทำสัญญากับจีน ถ้าจะว่าผมแปรพักตร์ ผมถือว่าตัวเองแปรพักตร์จากรัฐบาลมาอยู่ข้างประชาชน”