เอเจนซี - ผู้ประท้วงชาวอินเดียเดือดจัด พากันบุกโจมตีร้านโดมิโนส์ พิซซา สาขาหนึ่งในแถบชานเมืองมุมไบ เมื่อวันศุกร์ (20) พร้อมกับเรียกร้องให้ช่วยกันงดอุดหนุนสินค้าของสหรัฐฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่จาก 2 ชาติ กำลังพยายามลดความขัดแย้งในกรณีนักการทูตหญิงอินเดียถูกจับ และเปลื้องผ้าค้นตัวในนิวยอร์ก
ตำรวจ และบริษัทธุรกิจแฟรนไชส์สหรัฐฯ แห่งนี้ประจำอินเดีย เผยว่า ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บในเหตุจู่โจมครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความขุ่นเคืองที่ลุกลามไปทั่วในอินเดีย ต่อกรณีที่ เทพยานี โกบราเกด รองกงสุลใหญ่ของอินเดีย ประจำนิวยอร์ก โดนจับกุม และต่อมาก็ถูกเปลื้องผ้าค้นตัวในข้อกล่าวหาจ่ายค่าตอบแทนให้แรงงานในบ้านต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และปลอมแปลงตัวเลขเงินเดือนของลูกจ้างคนดังกล่าวเพื่อขอวีซาทำงาน
ทางการอินเดียเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกข้อกล่าวหาที่มีต่อนักการทูตหญิง ขณะที่พ่อของเธอขู่จะเริ่มอดอาหารประท้วงหากว่าทางอเมริกายังเดินหน้าฟ้องร้องลูกสาวในคดีนี้ “ผมอยากให้มีการถอนฟ้องข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ และกุเรื่องขึ้นมานี้” พร้อมบอกว่า จะอดอาหารประท้วงหากว่าข้อเรียกร้องของเขาไม่ประสบความสำเร็จ “มันจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของผม” อุททาม โกบราเกด บอก
เจ้าหน้าที่ตำรวจในดูไบบอกว่า ได้ยกระดับการตรวจตราตามสาขาห้างร้านต่างๆ ของสหรัฐฯ ในนั้นรวมไปถึงแมคโดนัลด์ หลังจากสมาชิกของพรรคการเมืองเล็กๆ รีพับลิกันปาร์ตี ออฟ อินเดีย ได้ลงมือโจมตีสาขาของโดมิโนส์ พิซซา
เหล่าผู้ประท้วงยังรวมตัวกันบริเวณด้านนอกของสถานกงสุลสหรัฐฯประจำไฮเดอราบัดเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันศุกร์(20) พร้อมกับตะโกนด่าทออเมริกาต่างๆนานา
“ข้อเท็จจริงคือ เจ้าหน้าที่อมเริกา ปฏิบัติอย่างเลวทรามต่อนักการทูตอินเดีย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาควรมีพฤติกรรมที่ดีกว่านี้” มานิช ทิวารี รัฐมนตรีข้อมูลข่าวสารและการออกอากาศของอินเดียกล่าว “มันมีความคาดหวังต่อการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และหากว่าพวกเขาผิดพลาด ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาได้ผิดพลาดอย่างเลวร้ายในเรื่องนี้ พวกเขาก็ควรก้าวออกมา และเอ่ยปากขอโทษ”
ในสัญญาณแห่งความเป็นไปได้ของการออกจากวิกฤตความขัดแข้ง ทางสหประชาชาติเผยว่าได้รับคำร้องอย่างเป็นทางการจากอินเดีย แต่งตั้งให้โกบราเกด เป็นหนึ่งในคณะผู้แทนถาวรของอินเดีย ประจำยูเอ็น ความเคลื่อนไหวก็เพื่อให้เธอได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสถานะของนักการทูต ก็ไม่ได้หมายความถึงการลบล้างข้อกล่าวหาในอดีต แต่เมื่อถูกถามว่าเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการทูตอาจช่วยให้โกบราเกด รอดพ้นจากการถูกจับกุมอีกครั้ง หรือไม่ก็เปิดทางให้เธอสามารถเดินทางออกจากสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ ทางซากี ตอบว่า “ฉันไม่อยากคาดเดาเรื่องนี้ล่วงหน้า”
นอกจากนี้แล้ว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามว่าสหรัฐฯ จะขอโทษอินเดียต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ โดยเพียงแต่ย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา และอินเดียเท่านั้น
เมื่อวันพุธ (18) นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พยายามยุติข้อขัดแย้งด้วยการโทรศัพท์สายตรงถึง ชีวชันการ เมนอน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย เพื่อแสดงความเสียใจ และย้ำถึงความกังวลว่า ไม่ควรให้ประเด็นนี้ทำลายความสัมพันธ์อันสำคัญระหว่าง 2 ชาติ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกิจการรัฐสภา บอกว่า “แค่คำเสียใจเฉยๆ ไม่ทำให้เราพอใจหรอก พวกเขาต้องแสดงการขอโทษอย่างชัดเจน และยอมรับต่อสิ่งที่ทำผิดไปเสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเราถึงจะพอใจ”
โคบราเกด ถูกจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้รับการประกันตัวในวงเงิน 250,000 ดอลลาร์ พร้อมมีเงื่อนไขส่งมอบพาสปอร์ต หลังจากเธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนให้แรงงานในบ้านต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และปลอมแปลงตัวเลขเงินเดือนของลูกจ้างคนดังกล่าวเพื่อขอวีซาทำงาน ซึ่งหากถูกพิพากษาว่ามีความผิดทั้ง 2 คดี เธอมีสิทธิ์ติดคุกสูงสุดถึง 15 ปีเลยทีเดียว
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยอมรับว่า โกบราเกด ถูกสั่งเปลือยกายค้นตัวหลังถูกจับกุมจริง ขณะที่ในอีเมลที่ส่งถึงเพื่อนร่วมงาน และถูกนำมาเผยแพร่เมื่อวันพุธ (18) เทพยานี โกบรากาด บอกว่ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งเพราะถูกเหยียดหยามด้วยการจับใส่กุญแจมือ แก้ผ้า และตรวจค้นช่องคลอด ซึ่งในกรณีหลังสุดนี้ทางเจ้าหน้าที่อเมริกาปฏิเสธ
ตำรวจ และบริษัทธุรกิจแฟรนไชส์สหรัฐฯ แห่งนี้ประจำอินเดีย เผยว่า ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บในเหตุจู่โจมครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางความขุ่นเคืองที่ลุกลามไปทั่วในอินเดีย ต่อกรณีที่ เทพยานี โกบราเกด รองกงสุลใหญ่ของอินเดีย ประจำนิวยอร์ก โดนจับกุม และต่อมาก็ถูกเปลื้องผ้าค้นตัวในข้อกล่าวหาจ่ายค่าตอบแทนให้แรงงานในบ้านต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และปลอมแปลงตัวเลขเงินเดือนของลูกจ้างคนดังกล่าวเพื่อขอวีซาทำงาน
ทางการอินเดียเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกข้อกล่าวหาที่มีต่อนักการทูตหญิง ขณะที่พ่อของเธอขู่จะเริ่มอดอาหารประท้วงหากว่าทางอเมริกายังเดินหน้าฟ้องร้องลูกสาวในคดีนี้ “ผมอยากให้มีการถอนฟ้องข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ และกุเรื่องขึ้นมานี้” พร้อมบอกว่า จะอดอาหารประท้วงหากว่าข้อเรียกร้องของเขาไม่ประสบความสำเร็จ “มันจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของผม” อุททาม โกบราเกด บอก
เจ้าหน้าที่ตำรวจในดูไบบอกว่า ได้ยกระดับการตรวจตราตามสาขาห้างร้านต่างๆ ของสหรัฐฯ ในนั้นรวมไปถึงแมคโดนัลด์ หลังจากสมาชิกของพรรคการเมืองเล็กๆ รีพับลิกันปาร์ตี ออฟ อินเดีย ได้ลงมือโจมตีสาขาของโดมิโนส์ พิซซา
เหล่าผู้ประท้วงยังรวมตัวกันบริเวณด้านนอกของสถานกงสุลสหรัฐฯประจำไฮเดอราบัดเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันศุกร์(20) พร้อมกับตะโกนด่าทออเมริกาต่างๆนานา
“ข้อเท็จจริงคือ เจ้าหน้าที่อมเริกา ปฏิบัติอย่างเลวทรามต่อนักการทูตอินเดีย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาควรมีพฤติกรรมที่ดีกว่านี้” มานิช ทิวารี รัฐมนตรีข้อมูลข่าวสารและการออกอากาศของอินเดียกล่าว “มันมีความคาดหวังต่อการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และหากว่าพวกเขาผิดพลาด ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาได้ผิดพลาดอย่างเลวร้ายในเรื่องนี้ พวกเขาก็ควรก้าวออกมา และเอ่ยปากขอโทษ”
ในสัญญาณแห่งความเป็นไปได้ของการออกจากวิกฤตความขัดแข้ง ทางสหประชาชาติเผยว่าได้รับคำร้องอย่างเป็นทางการจากอินเดีย แต่งตั้งให้โกบราเกด เป็นหนึ่งในคณะผู้แทนถาวรของอินเดีย ประจำยูเอ็น ความเคลื่อนไหวก็เพื่อให้เธอได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในสถานะของนักการทูต ก็ไม่ได้หมายความถึงการลบล้างข้อกล่าวหาในอดีต แต่เมื่อถูกถามว่าเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการทูตอาจช่วยให้โกบราเกด รอดพ้นจากการถูกจับกุมอีกครั้ง หรือไม่ก็เปิดทางให้เธอสามารถเดินทางออกจากสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ ทางซากี ตอบว่า “ฉันไม่อยากคาดเดาเรื่องนี้ล่วงหน้า”
นอกจากนี้แล้ว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามว่าสหรัฐฯ จะขอโทษอินเดียต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ โดยเพียงแต่ย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา และอินเดียเท่านั้น
เมื่อวันพุธ (18) นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พยายามยุติข้อขัดแย้งด้วยการโทรศัพท์สายตรงถึง ชีวชันการ เมนอน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย เพื่อแสดงความเสียใจ และย้ำถึงความกังวลว่า ไม่ควรให้ประเด็นนี้ทำลายความสัมพันธ์อันสำคัญระหว่าง 2 ชาติ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกิจการรัฐสภา บอกว่า “แค่คำเสียใจเฉยๆ ไม่ทำให้เราพอใจหรอก พวกเขาต้องแสดงการขอโทษอย่างชัดเจน และยอมรับต่อสิ่งที่ทำผิดไปเสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเราถึงจะพอใจ”
โคบราเกด ถูกจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และได้รับการประกันตัวในวงเงิน 250,000 ดอลลาร์ พร้อมมีเงื่อนไขส่งมอบพาสปอร์ต หลังจากเธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนให้แรงงานในบ้านต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และปลอมแปลงตัวเลขเงินเดือนของลูกจ้างคนดังกล่าวเพื่อขอวีซาทำงาน ซึ่งหากถูกพิพากษาว่ามีความผิดทั้ง 2 คดี เธอมีสิทธิ์ติดคุกสูงสุดถึง 15 ปีเลยทีเดียว
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยอมรับว่า โกบราเกด ถูกสั่งเปลือยกายค้นตัวหลังถูกจับกุมจริง ขณะที่ในอีเมลที่ส่งถึงเพื่อนร่วมงาน และถูกนำมาเผยแพร่เมื่อวันพุธ (18) เทพยานี โกบรากาด บอกว่ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งเพราะถูกเหยียดหยามด้วยการจับใส่กุญแจมือ แก้ผ้า และตรวจค้นช่องคลอด ซึ่งในกรณีหลังสุดนี้ทางเจ้าหน้าที่อเมริกาปฏิเสธ
