เอเอฟพี - ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจญี่ปุ่นพุ่งสูงที่สุดในรอบ 6 ปี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจเมืองปลาดิบซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ผลสำรวจจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เผยวันนี้(16)
ผลสำรวจ “ตังกัง” ประจำไตรมาสสุดท้ายซึ่ง บีโอเจ ได้สอบถามผู้ประกอบการกว่า 10,500 บริษัท พบว่า นักธุรกิจเหล่านี้มีความมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2007 เป็นต้นมา โดยผู้ผลิตรายใหญ่ๆให้คะแนนความเชื่อมั่นถึง +16 จากระดับ +12 ในเดือนกันยายน
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจที่ไม่ใช่การผลิตก็ขยับขึ้นจาก +14 เป็น +20 ในไตรมาสนี้ ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบ 6 ปี
ทาเคชิ มินามิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยโนรินจูคิน ให้ความเห็นว่า ผลสำรวจดังกล่าวถือว่า “ดี” ในภาพรวม และแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นเริ่มแผ่ขยายลงไปสู่ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้วย
นักวิเคราะห์บางคนคาดว่า บีโอเจ อาจขยายมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากอัตราการเติบโตเชื่องช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ ชี้ให้เห็นอุปสรรคที่โตเกียวกำลังเผชิญจากนโยบายใช้จ่ายงบประมาณก้อนโตและบีบให้ธนาคารกลางต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสสามขยายตัวเพียง 0.3% ลดลงจากระดับ 0.5% ที่ประเมินไว้เบื้องต้น และตกต่ำลงอย่างมากจากไตรมาสก่อนหน้าที่เศรษฐกิจขยายตัวถึง 0.9%
นโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ หรือที่เรียกกันว่า “อาเบะโนมิกส์” นั้นช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวแซงหน้าชาติอื่นๆ ในกลุ่ม G7 เนื่องจากทำให้เงินเยนอ่อนค่าและผู้ผลิตญี่ปุ่นสามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้น ทว่าล่าสุดสหรัฐฯ กลับเป็นฝ่ายแซงญี่ปุ่นด้วยสถิติการขยายตัวต่อปีถึง 3.6% ในไตรมาสสาม
ผลสำรวจของบีโอเจ แทบไม่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน โดยดัชนีนิกเกอิ 225 ปิดตลาดซื้อขายภาคเช้าวันนี้ (16) ปรับตัวลดลง 0.61%
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า นักลงทุนยังรอฟังผลการประชุมเชิงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (17) โดยคาดกันว่า เฟด อาจจะลดขนาดการซื้อพันธบัตรซึ่งมีมูลค่าถึง 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือที่เรียกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี)
ด้าน บีโอเจ ก็จะเริ่มประชุมนโยบายในวันพฤหัสบดีนี้ (19) โดยหลายฝ่ายคาดว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติม หลังเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว และผู้บริโภคก็เตรียมรับนโยบายปรับขึ้นภาษีที่นักวิจารณ์เตือนว่าอาจบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่งจะเริ่มต้น
“สิ่งที่ต้องรอดูก็คือ บรรยากาศการลงทุนจะยังดีเช่นนี้ต่อไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า ซึ่งจะมีการปรับขึ้นภาษีหรือไม่” มินามิ ให้สัมภาษณ์ต่อศูนย์ข่าวดาวโจนส์นิวส์ไวร์ส
รัฐบาลญี่ปุ่นผ่านกฎหมายงบประมาณเพิ่มเติมเกือบ 54,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบรรเทาผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีจาก 5% เป็น 8% ซึ่งถือว่าจำเป็นต่อการลดหนี้สาธารณะของประเทศ
