เอเอฟพี - สหรัฐฯ จะยังคงทหารอเมริกัน 35,000 นาย ไว้ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ไม่ว่าผลการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านจะออกมาเป็นเช่นใดก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ชัค เฮเกล ของสหรัฐฯ แถลงในการประชุมด้านความมั่นคงประจำปีที่บาห์เรน วันนี้ (7)
สหรัฐฯ มีกองเรือรบ และเครื่องบินประจำการอยู่ในตะวันออกกลาง “และผลของการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ชั่วคราวกับอิหร่านจะไม่ส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องปรับกำลังพล หรือแผนปฏิบัติภารกิจทางทหารในภูมิภาคนี้” ร่างถ้อยแถลงของนายใหญ่เพนตากอน ระบุ
เฮเกล ออกเดินทางเยือนชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในอ่าวอาหรับ เพื่อคลายความกังวลหลังจากที่ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อิหร่าน มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น โดยได้บรรยายถึงสรรพอาวุธ และทรัพยากรของกองทัพอเมริกันที่จะยังคงอยู่ในภูมิภาคนี้ต่อไป
สหรัฐฯ มีทหารจากกองทัพบก, กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ประจำการอยู่ในอ่าวเปอร์เซียกว่า 35,000 นาย รวมไปถึงรถถัง, เฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบอาปาเช, เรือรบราว 40 ลำ, เรือบรรทุกเครื่องบิน, ระบบป้องกันขีปนาวุธ, ระบบเรดาร์อันทันสมัย, เครื่องบินสอดแนม และเครื่องบินรบที่สามารถปฏิบัติภารกิจโจมตีเป้าหมายได้ทันทีที่ได้รับคำสั่ง
“เราได้ส่งเครื่องบินรบอันทรงประสิทธิภาพที่สุดไปประจำการทั่วภูมิภาค รวมถึงเครื่องบินรบเอฟ-22 เพื่อให้มั่นใจว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะรับมือทุกๆเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน” เฮเกล กล่าว
แม้โรงงานนิวเคลียร์บางแห่งของอิหร่านจะถูกก่อสร้างไว้ใต้ดิน แต่วอชิงตันก็ได้พัฒนาอาวุธซึ่งสามารถทำลายบังเกอร์ใต้ดินได้
ในการประชุมด้านความมั่นคงประจำปีของสถาบันนานาชาติเพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ (IISS) ที่กรุงมานามา เฮเกล ยังเอ่ยถึงงบประมาณที่สหรัฐฯ ลงทุนไปกับเรือกวาดทุ่นระเบิด และงบประมาณอีก 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปรังปรุงศูนย์บัญชาการกองเรือที่ 5 ในบาห์เรน
เฮเกล ยืนยันว่า สหรัฐฯ พร้อมช่วยส่งเสริมศักยภาพด้านการทหารของรัฐพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซีย โดยจะมีการฝึกฝน และซ้อมรบร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังเสนอแนวคิดให้คณะมนตรีความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับทั้ง 6 ชาติ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, กาตาร์, คูเวต, โอมาน และบาห์เรน มีสถานะเป็นองค์กรที่สามารถสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ได้