เอเอฟพี – นายใหญ่เพนตากอน และผู้บัญชาการทหารเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯ ประสานเสียง เตือนการตัดงบกลาโหมครั้งใหญ่เฉียด 1 ล้านล้านดอลลาร์ กำลังคุกคามความมั่นคงและบทบาททางการทหารในระดับโลกของอเมริกา ในการรับมือความเสี่ยงจากภัยคุกคามฉุกเฉินที่คาดไม่ถึง กระทั่งอาจถึงจุดที่แดนอินทรีไม่มีเงินเพียงพอเข้าร่วมปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ขนาดใหญ่เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในฟิลิปปินส์ขณะนี้
ชัค เฮเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) กล่าวเมื่อวันเสาร์ (16) ระหว่างเข้าร่วมงานประชุม “เวทีเสวนากลาโหม โรนัลด์ เรแกน” (Ronald Reagan Defense Forum) ซึ่งจัดขึ้นที่หอสมุดอดีตประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้ ในบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของนครลอสแองเจลีส, มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ว่า การตัดงบประมาณของกระทรวงลงไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 1 ทศวรรษนั้น เป็นสิ่งที่ “มากและกะทันหันเกินไป” ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการบริหารงานที่ไร้ความรับผิดชอบ เนื่องจากบีบบังคับให้กระทรวงเผชิญกับทางเลือกที่แย่เอามากๆ
ภายหลังพวกสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในรัฐสภาอเมริกัน ไม่สามารถตกลงกันในเรื่องรายการที่สมควรถูกหั่นลดงบประมาณ เพื่อแก้ไขภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างมโหฬารของสหรัฐฯลงมา ยังผลให้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นมา ต้องมีการปฏิบัติตามมติซึ่งสองพรรคได้ตกลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือการปรับลดงบประมาณอัตโนมัติแบบเหมารวม (sequester) โดยที่ยอดใช้จ่ายของเพนตากอนเฉพาะของปีงบประมาณ 2014 จะถูกหั่นอัตโนมัติ 10% หรือราว 52,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ตั้งแต่ ซีเควสเตอร์ เริ่มมีผลบังคับ กองทัพเรือสหรัฐฯต้องลดการปรากฏตัวทางทหารในทั่วโลกลงไปแล้ว 10% ขณะที่กองทัพบกยกเลิกภารกิจประจำในการฝึกกำลังพลลงไป 15% และกองทัพอากาศยกเลิกกิจกรรมการฝึก 25%
เฮเกลบอกว่า การตัดลดเช่นนี้จะเป็นที่รู้สึกกันในอนาคตข้างหน้าเป็นช่วงเวลายาวนานทีเดียว โดยถ้ายังคงยกเลิกการฝึกกำลังพลที่ไม่ได้เป็นทหารประจำการต่อไปเรื่อยๆ แล้ว จะทำให้การฝึกตามข้อกำหนดต้องคั่งค้าง และอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสะสางได้หมด
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯชี้ว่า เพนตากอนได้ชี้แจงอย่างชัดเจนกับรัฐสภาและทำเนียบขาวแล้วว่า กระทรวง กำลังเผชิญปัญหาความยากลำบากทั้งในการฝึก ในเรื่องการประกอบเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ และในการเตรียมพร้อม กองทหารของสหรัฐฯ เมื่องบประมาณยังตึงตัวและไม่แน่นอนเช่นนี้
เขากล่าวว่า แม้ความท้าทายเหล่านี้มักเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็มีอยู่จริงและจะชัดเจนขึ้นเมื่อความมั่นคงของชาติสั่นคลอน เนื่องจากการเตรียมพร้อม สมรรถนะ และศักยภาพ ทางทหารของสหรัฐฯลดทอนลงเรื่อยๆ
วิกฤตงบประมาณคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่อเมริกากำลังถอนตัวกลับประเทศหลังจากใช้เวลากว่าสิบปีในการทำสงครามที่อิรักและอัฟกานิสถาน กระนั้น เฮเกลเตือนว่า ถ้ายังไม่มีการตกลงกันเพื่อยุติการหั่นลดงบประมาณอย่างมโหฬารเช่นนี้แล้ว กองทัพอเมริกันอาจไม่พร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ขัดแย้งครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง
ความกังวลของนายใหญ่เพนตากอนนี้ ยังได้รับการตอกย้ำจากพลเอกเจมส์ อามอส ผู้บัญชาการทหารเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า การตัดงบประมาณอาจคุกคามความสามารถของกองทัพอเมริกันในการให้ความช่วยเหลือในเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ เฉกเช่น โศกนาฏกรรมจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในฟิลิปปินส์ ที่ขณะนี้สหรัฐฯส่งนาวิกโยธิน 1,000 นายไปร่วมบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส วอชิงตัน พร้อมเรือรบอื่นๆ และฝูงบินในหมู่เรือโจมตีนี้
อามอสแจงบนเวทีเดียวกันว่า กองทัพอเมริกันขณะนี้ไม่ได้รับการฝึกซ้อมและการเตรียมพร้อมที่ดีพอในการรับมือภัยพิบัติธรรมชาติครั้งใหญ่ขนาดนี้ และซีเควสเตอร์จะทำให้ภารกิจความช่วยเหลือในอนาคตมีปัญหา หรืออาจถึงขั้นที่อเมริกาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นได้เลย เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการและการซ่อมบำรุงเรือหรือยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็น