เอพี – สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ได้ตกลงกันวันนี้ (2 ต.ค.) ภายหลังประชุมความมั่นคงประจำปี โดยออกคำแถลงร่วมที่ระบุว่า ทั้งสองชาติจะจับมือกันพัฒนาขีดความสามารถในการป้องปรามภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือให้แข็งแกร่งมากขึ้น และได้เห็นชอบกับยุทธศาสตร์ใหม่ทางทหาร ที่ทำให้ทั้งสองร่วมมือกันตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี และอาวุธอื่นๆ จากโสมแดงได้ดีขึ้น
ในคำแถลงอย่างเป็นทางการ ที่ทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันคราวนี้ ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ และคิม ควานจิน รัฐมนตรีกลาโหมของเกาหลีใต้ยังระบุด้วยว่า พวกเขากำลังจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง เพื่อทบทวนความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนกำหนดเวลาที่สหรัฐฯ จะส่งมอบอำนาจควบคุมสั่งการกองทหารเกาหลีใต้ในเวลาเกิดสงคราม คืนให้แก่เกาหลีใต้ออกไป โดยตามกำหนดในปัจจุบันจะส่งมอบในปี 2015
เฮเกลยังกล่าวในตอนปิดการประชุมความมั่นคงประจำปีระหว่างสองประเทศ ครั้งที่ 45 ว่าสหรัฐฯ จะยึดมั่นในคำสัญญาด้วยการใช้ “สมรรถนะทางทหารที่มีทั้งหมด” ไม่ว่าจะเป็น สมรรถนะทางนิวเคลียร์ ตลอดจนระบบป้องกันขีปนาวุธ และการโจมตีตามแบบแผน เพื่อป้องปรามไม่ให้เกาหลีเหนือใช้ปฏิบัติการรุนแรงก้าวร้าวกับเกาหลีใต้
“สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และจรวดนำวิถี กิจกรรมการแพร่กระจายอาวุธ และอาวุธเคมีของเกาหลีเหนือ” เฮเกลเน้นย้ำในการแถลงข่าว “ไม่ควรมีข้อติดใจสงสัยอีกว่า หากเกาหลีเหนือใช้อาวุธเคมี ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่ยอมรับโดยสมบูรณ์”
เฮเกล และคิมยังได้รับรองว่า จะหารือกันในเรื่องการเลื่อนเวลาส่งมอบอำนาจควบคุมกองทหารเกาหลีใต้ในยามสงครามออกไป ทั้งนี้อำนาจควบคุมดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การสั่งการป้องกันเกาหลีใต้ในกรณีที่จะถูกเกาหลีเหนือโจมตี โดยพวกเขาจะทบทวนเรื่องการกำหนดเวลาที่ชัดเจนกันต่อไป ทั้งนี้ กำหนดเวลาครั้งแรกตามที่ตกลงกันไว้คือปี 2012 ก่อนที่จะถูกเลื่อนไปเป็นปี 2015
คิมกล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี มีความแตกต่างจากในช่วงเวลาที่ชาติพันธมิตรทั้งสองนี้ได้ลงนามการควบคุมสั่งการทหารเป็นครั้งแรกหลายปีก่อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 3 เขากล่าวว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือจะเป็น “อันตรายมาก” ตราบใดก็ตามที่ประเทศนี้ยังหมกมุ่นอยู่กับโครงการอาวุธ
ถึงแม้ว่าตอนนี้สหรัฐฯ จะกำลังประสบปัญหาด้านงบประมาณจนเป็นเหตุให้ต้องปิดหน่วยงานราชการไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่เฮเกลก็ยังยืนยันว่า สหรัฐฯ จะยังคงยึดมั่นในคำสัญญา ที่จะรักษาระดับกำลังพลในเกาหลีใต้ในราว 28,5000 คนในปัจจุบันเอาไว้ นอกจากนี้เขาได้กล่าวเสริมว่า สหรัฐฯ เพิ่งส่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจการณ์ติดอาวุธ 1 ฝูงจำนวน 30 ลำมาถึงค่ายฮัมฟรีย์ในเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้แล้ว