เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือ ประกาศส่งตัวอดีตทหารอเมริกันวัย 85 ปี ที่เคยร่วมรบในสงครามเกาหลีกลับประเทศแล้ว วันนี้ (7) ภายหลังกักตัวไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ในความผิดฐาน “บ่อนทำลายรัฐ”
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง รายงานว่า เมอร์ริล นิวแมน ซึ่งเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ถูกส่งตัวกลับประเทศ “ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม” หลังจากที่เขา “รับสารภาพผิดอย่างจริงใจ” ประกอบกับเป็นผู้สูงวัย และมีปัญหาสุขภาพ
สหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความชื่นชมต่อข่าวการปล่อยตัวพลเมืองอเมริกันรายนี้ โดย มารี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ มีถ้อยแถลงว่า “สหรัฐฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่คุณเมอร์ริล นิวแมน ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี และกลับมาพบหน้าครอบครัวของเขา เราขอชื่นชมการตัดสินใจของเกาหลีเหนือ”
นิวแมน ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจ และเดินทางเข้าเกาหลีเหนือด้วยวีซานักท่องเที่ยว ถูกเจ้าหน้าที่โสมแดงพาตัวลงจากเครื่องบินเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ก่อนที่เครื่องจะเทคออฟจากสนามบินกรุงเปียงยางไม่กี่นาที
ด้านรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ซึ่งได้เดินทางเยือน 3 ประเทศเอเชียตะวันออก คือ ญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีใต้ ก็ออกมากล่าวชื่นชมเช่นเดียวกันว่า การปล่อยตัว นิวแมน เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องการให้เปียงยางคืนอิสรภาพแก่พลเมืองอเมริกันอีกคนหนึ่งที่ถูกโสมแดงจับกุมตัวไว้ตั้งแต่ 1 ปีก่อนด้วย
“พวกเขาทำในสิ่งที่ดีแล้ว” ไบเดน ระบุในถ้อยแถลง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีเหนือปล่อยตัว เคนเนธ แบ วัย 45 ปี เจ้าของบริษัททัวร์ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีที่ถูกศาลโสมแดงตัดสินใช้แรงงานหนัก 15 ปี โทษฐานวางแผนล้มล้างรัฐบาลคอมมิวนิสต์
ฮาร์ฟ ระบุเช่นกันว่า “เราขอร้องอีกครั้งให้เกาหลีเหนืออภัยโทษแก่คุณ แบ เป็นการพิเศษ และปล่อยตัวเขาทันทีเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม และเพื่อให้เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้กลับคืนสู่ครอบครัว”
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังขอบคุณสถานทูตสวีเดน ประจำกรุงเปียงยาง ซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนวอชิงตันติดต่อเจรจากับรัฐบาลเกาหลีเหนือ เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับเปียงยาง
รัฐบาลเกาหลีเหนือออกมายอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้จับกุมตัว นิวแมน ไว้จริง พร้อมเผยแพร่ “จดหมายรับสารภาพ” ที่มีรอยนิ้วมือของ นิวแมน ประทับยืนยัน
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ รายงานว่า นิวแมน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาหน่วยข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯ ในปี 1953 ดูหมิ่น “เกียรติภูมิและอธิปไตย” ของเกาหลีเหนือ ตลอดจน “ใส่ร้ายป้ายสีระบอบสังคมนิยม ซึ่งขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับจุดประสงค์ของการมาท่องเที่ยว” นอกจากนี้ ยัง “บงการการจารกรรมและบ่อนทำลาย” ระหว่างเกิดสงครามเกาหลี ปี 1950-53 และมีส่วนพัวพันการเข่นฆ่าทหาร และพลเรือนเกาหลีเหนือ “ผู้บริสุทธิ์”