xs
xsm
sm
md
lg

เผย ‘ไบเดน-สีจิ้นผิง’ ไม่อ่อนข้อให้กันในการหารือ ‘เขตป้องกันภัย’ 5 ชม.ครึ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ(ซ้าย) เข้าเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในวันพุธ (4 ธ.ค.) ที่กรุงปักกิ่ง
เอเจนซีส์ - รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน และเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เปิดเผยในกรุงปักกิ่งวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) ว่า ระหว่างเจรจาหารือกันอย่างยาวนานเป็นพิเศษถึง 5 ชั่วโมงครึ่งเมื่อวันพุธ (4) ทั้งไบเดนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ต่างไม่ลดราวาศอกให้แก่กันในประเด็นการประกาศพื้นที่ป้องกันภัยทางอากาศของแดนมังกร โดยแทบไม่มีสัญญาณเครื่องบ่งชี้เลยว่า มีความคืบหน้าในการปลดชนวนสถานการณ์ซึ่งรองประธานาธิบดีอเมริกันระบุว่ากำลังสร้างความหวาดหวั่นขึ้นในภูมิภาคแถบนี้

แม้ ไบเดน กล่าวอย่างชัดเจนถึงความกังวลอันล้ำลึกของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ แต่ สี ก็หยิบยกเหตุผลข้อโต้แย้งของฝ่ายจีนขึ้นมาตอบโต้ เพื่ออธิบายยืนยันการที่แดนมังกรประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) เหนือทะเลจีนตะวันออก โดยที่ครอบคลุมถึงหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์/เซงกากุ หมู่เกาะเล็กๆ ที่ปักกิ่งกับโตเกียวต่างอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกันอยู่

ระหว่างการแถลงข่าวร่วมภายหลังการหารือกันในวันพุธ ทั้ง ไบเดน และ สี ต่างไม่ได้เอ่ยพาดพิงถึงเรื่องเขต ADIZ นี้เลย

แต่ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี ขณะปราศรัยต่อผู้นำธุรกิจอเมริกันในจีนราว 60 คน ไบเดนกล่าวว่า ในการเจรจากับ สี เขาแสดงออกถึง “ความตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง” เกี่ยวกับจุดยืนอันหนักแน่นของสหรัฐฯ ตลอดจนสิ่งที่วอชิงตันคาดหวังจากปักกิ่ง

“การประกาศจัดตั้งเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศขึ้นใหม่อย่างกะทันหันเมื่อเร็วๆ นี้ของจีน สร้างความหวาดวิตกเป็นอย่างมากในภูมิภาคนี้ และผมได้ชี้แจงจุดยืนและความคาดหวังของเราอย่างตรงไปตรงมากับประธานาธิบดีสี” ไบเดนบอก

แต่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็กล่าวว่า เขายังเสนอประเด็นปัญหานี้จากบริบทที่มีขอบเขตกว้างไกล โดยชี้ให้ทางผู้นำจีนเห็นว่าขณะที่เศรษฐกิจของแดนมังกรขยายตัว เดิมพันของแดนมังกรซึ่งมีอยู่ในความมั่นคงของภูมิภาคก็เพิ่มพูนขึ้นด้วย ดังนั้น จีนจึงต้องรับผิดชอบมากขึ้นในการสร้างคุณูปการให้แก่สันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค

สหรัฐฯ นั้นเป็นห่วงว่ากฎเกณฑ์ของจีนที่เรียกร้องให้นักบินซึ่งนำอากาศยานเข้าสู่เขตป้องกันภัย จะต้องเสนอแผนการบินต่อฝ่ายปักกิ่ง อาจนำไปสู่อุบัติเหตุหรือการเผชิญหน้ากัน ซึ่งอาจลุกลามขยายตัวจนควบคุมไม่อยู่อันจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งได้ ดังนั้น เวลานี้สหรัฐฯ เห็นว่าเป็นคราวของฝ่ายจีนแล้วที่จะต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดความตึงเครียดลงมา ทั้งนี้เป็นคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้บรรยายสรุปให้พวกนักข่าวฟังถึงการพูดคุยกันระหว่างผู้นำอเมริกันกับผู้นำจีน

ในส่วนของไบเดนนั้น ได้บอกกับพวกนักธุรกิจอเมริกันโดยยืนยันว่า อเมริกามีความสนใจอย่างลึกซึ้งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ เนื่องจากต้องการและจะยังคงเป็นมหาอำนาจทั้งด้านการทูต เศรษฐกิจ และการทหารในแปซิฟิกต่อไป

ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า ถึงแม้วอชิงตันประกาศท่าทีชัดเจนว่า ยึดมั่นในหน้าที่ตามสนธิสัญญาที่ระบุให้ปกป้องหมู่เกาะเซงกากุที่อยู่ในความควบคุมของญี่ปุ่น แต่ก็ยังลังเลที่จะพาตัวเองเข้าสู่การเผชิญหน้าทางการทหารระหว่างโตเกียวกับปักกิ่ง

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกมาตอบโต้เรื่องนี้ทันทีว่า ปักกิ่งแจ้งกับไบเดนชัดเจนว่า ADIZ สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและสหรัฐฯ ควรให้ความเคารพ

หง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า ระหว่างหารือกับไบเดนนั้น ผู้นำจีนได้ตอกย้ำจุดยืนนี้อีกครั้ง รวมทั้งขอให้อเมริกามองอย่างเป็นกลางและเคารพต่อ ADIZ ของจีน

ขณะเดียวกัน ไชน่าเดลี หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีน ระบุในบทบรรณาธิการฉบับวันพฤหัสบดีว่า จีนและสหรัฐฯ ต้องจัดการกับ “การขาดดุลด้านความไว้ใจ” ขั้นรุนแรง และว่า ปฏิกิริยาของอเมริกาต่อ ADIZ สะท้อนความยากลำบากที่สองประเทศจะเอาชนะความไม่ไว้ใจในกันและกัน

อย่างไรก็ดี ไชน่าเดลีตั้งข้อสังเกตว่า การที่ไบเดนและสีไม่พาดพิงถึง ADIZ ระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพุธ เป็นสัญญาณที่ดีว่า ทั้งสองประเทศสามารถจัดการความสัมพันธ์ที่อ่อนไหวได้ในบางโอกาส

ส่วนบทบรรณาธิการของโกลบอลไทมส์ หนังสือพิมพ์อีกฉบับของทางการปักกิ่ง บอกว่า สถานการณ์ตึงเครียดในขณะนี้เกิดจากการปลุกปั่นเพื่อเรียกร้องความเห็นใจของญี่ปุ่น และหวังให้อเมริกาเผชิญหน้ากับจีน ซึ่งจะถือเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไบเดนยอมรับระหว่างการพูดคุยกับนักธุรกิจช่วงเช้าวันพฤหัสบดี ว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ค่อนข้างซับซ้อน และต่างฝ่ายมองหลายประเด็นต่างกัน แต่ทุกประเด็นย่อมสามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งได้

ทั้งนี้ ไบเดนมีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงในวันพฤหัสบดี ก่อนบินสู่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายในการเดินทางเยือนครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น