เอเจนซีส์ - รัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศที่จะปลดหนี้ครัวเรือนชาวไอซ์แลนด์มูลค่าสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ ราวครอบครัวละ 32,600 ดอลลาร์ เพื่อทำตามคำสัญญาที่ให้ในตอนหาเสียงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างหนาหูจากบรรดาสถาบันการเงินระดับโลก
มาตรการปลดหนี้นี้ถูกเสนอโดยนายกรัฐมนตรีแห่งไอซ์แลนด์ ซิกมุนเดอร์ เดวิด กุนน์ลอจส์สัน วัย 38 ปี จากพรรคก้าวหน้า ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปลายเดือนเมษายน 2013 ในแคมเปญหาเสียงสัญญาปลดหนี้ครัวเรือนให้กับประชาชนชาวไอซ์แลนด์
อ้างจากข้อมูลเว็บไซต์ของรัฐบาลไอซแลนด์ หนี้ครัวเรือนของชาวไอซ์แลนด์จะลดลงราว 13% โดยเฉลี่ย ซึ่งที่ผ่านมาพลเมืองไอซ์แลนด์ต้องประสบกับหนี้สิ้นตั้งแต่วิกฤตการเงินเมื่อปี 2008 ซึ่งนำไปสู่การที่ประชาชนต้องใช้หลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นในการขอกู้ยืมเหตุเพราะค่าเงินโครนาไอซ์แลนด์ (ISK) นั้นมีสภาพเหมือนเศษกระดาษเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ทั่วโลก
“ในปัจจุบันนี้ หนี้ครัวเรือนของชาวไอซ์แลนด์สูงถึง 108% ของGDP ประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับชาติอื่นๆ มาตรการใหม่นี้จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าหลังจากหักภาษีเพื่มมากขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมการออมในครัวเรือนอีกด้วย” อ้างจากแถลงการณ์ของรัฐบาลไอซ์แลนด์ รายงานโดยเอเอฟพี
ทางรัฐบาลไอซ์แลนด์คาดว่า มาตรการนี้จะสามารถนำออกใช้ได้ในกลางปีหน้า และคาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินทั้งหมดราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ ในเวลาทั้งหมด 4 ปี ในการดำเนินการ
ถึงแม้ว่าแผนการเงินของนโยบายปลดหนี้ครัวเรือนนี้ยังไม่ได้ถูกวางเป็นรูปเป็นร่างแต่อย่างใด แต่กระนั้นกุนน์ลอจส์สันได้สัญญากับไอซ์แลนด์ว่า นโยบายนี้จะไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับประเทศ โดยคาดว่ากลุ่มต่างชาติที่ให้กู้กับบรรดาธนาคารของไอซ์แลนด์จะเป็นผู้รับผิดชอบจำนวนเงินตามมาตรการนี้
อย่างไรก็ตามทั้ง IMF และ OECD ต่างไม่เห็นด้วยในนโยบายนี้ โดยอ้างว่ากุนน์ลอจส์สันควรคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก
“ไอซ์แลนด์มีงบประมาณไม่มากพอสำหรับนโยบายปลดหนี้ครัวเรือน” ความเห็นจากIMF ในขณะที่ OECD แนะนำว่าควรจำกัดนโยบายปลดหนี้ครัวเรือนเฉพาะกับผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น