เอเจนซีส์/ผู้จัดการ - โจชัว คูร์ลานต์ซิค นักวิเคราะห์แห่งสื่อ “บลูมเบิร์กบิสซิเนส” ชี้ ประเทศไทยที่ต้องกลับมาอยู่ในวงจรประท้วงบนท้องถนนอีกครั้งเพราะประเทศไทยมีนักการเมืองที่ไม่รู้จักคำว่า “ยอมแพ้”
ในสัปดาห์นี้ ประเทศไทยได้กลายเป็นหัวข้อข่าวสำหรับสื่อทั่วโลก หลังจากที่เหมือนนาฬิกาหมุนย้อนกลับไปในปี 2008 ที่ทุกอย่างเหมือนจะซ้ำรอยอีกครั้ง มีม็อบฝ่ายต้านออกมาเข้ายึดที่ทำการกระทรวงหลายแห่งของประเทศ และประกาศที่จะทำให้ประเทศนี้เป็นอัมพาตจนกว่าจะมีการประกาศจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
ในขณะที่การประท้วงยังดำเนินการต่อไป รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แห่งพรรคเพื่อไทย ที่ให้การสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งถูกยึดอำนาจและกำลังอยู่ในระหว่างการหลบหนีคดีที่อยู่ในต่างแดนนั้น ยังสามารถบริหารประเทศอยู่ได้ และรัฐบาลของเธอยังไม่ได้ถูกยึดอำนาจจากฝ่ายกองทัพเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเธอ ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2006 ซึ่งทำให้เขาต้องอยู่ในระหว่างการหลบหนีและทำการติดต่อยิ่งลักษณ์และหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆอย่างสม่ำเสมอ โดยล่าสุดยิ่งลักษณ์เพิ่งผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรไทยในการลงมติไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อด้วยเสียง 297 เสียงต่อ 134 เสียง
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา วิกฤติการเมืองของไทยตกอยู่ในสภาพที่ตรึงเครียดมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมา คาดว่าอาจมีการแก้ปัญหาโดยประกาศเลือกตั้งใหม่ หรือมีการมีกระบวนการบางอย่างตามแบบประชาธิปไตยแบบพิเศษของไทยที่จะทำให้รัฐบาลต้องหมดสภาพไป
ซึ่งอีกนัยหนึ่งสามารถพูดได้ว่า ยิ่งบรรยากาศทางการเมืองมีความอึมครึมเพิ่มมากขึ้นเพียงใดในสภาพที่มีทางออกให้เลือกน้อยมาก ยิ่งจะทำให้สภาพการเมืองประเทศไทยมีบรรยากาศเสมือนถอยหลังกลับไปในปี 2001ที่เป็นจุดเริ่มต้นการขัดแย้งเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร นักธุรกิจพันล้านด้านโทรคมนาคมที่ทรงอิทธิพลใช้นโยบายแบบประชานิยมชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยแรก
ในสายตาของชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งชาวไทยบางคนนั้นรู้สึกว่า วงจรการเมืองของไทยที่ไม่สามารถหาทางออกได้และยังดำเนินต่อเนื่องนั้นดูเหมือนกับสิ่งที่น่าพิศวง ซึ่งในขณะนี้ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเหมือนที่เกิดขึ้นในยุค 80 และในช่วงต้นยุค 90 แต่กระนั้นประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในชาติที่ยังมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข่งแกร่งที่สุด ภาคอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ของไทยในขณะนี้สามารถผลิตได้เกือบถึง 3 ล้านคันต่อปี เพิ่มมาจากที่เคยผลิตได้ราว 400,000 คันต่อปีเมื่อทศวรรษที่แล้ว และประเทศไทยยังเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งในโลก ที่มีการผลิตตั้งแต่เครื่องอ่านแผ่นดีวีดี ฮาร์ดดิส และอุตสาหกรรมการผลิตกุ้งและสัตว์น้ำ ไปจนถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการออกแบบ นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีสื่อเสรีและมีประชาชนชั้นกลางขนาดใหญ่ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในไทย
ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์อ้างว่า หากสามารถลบระบบทักษิณ ตัวทักษิณและครอบครัวของเขาออกจากระบบการเมืองไทยได้ ประเทศไทยจะกลับคืนสู่ความสงบและผาสุขอีกครั้ง ซึ่งข้อกล่าวหาบางส่วนนั้นเป็นจริง ในขณะที่ทักษิณยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทักษิณใส่ใจน้อยมากที่ทำตามกฏนิติรัฐ ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายใช้อาวุธสังหารผู้คน เช่น ในนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรง รวมไปถึงการล้มหน่วยงานองค์กรอิสระ และมัดปากสื่อมวลชน นอกจากนี้ในปี 2008 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังได้ตัดสินให้เขาผิดในข้อหาคอรัปชันในคดีที่ดินรัชดา และเขาต้องจำคุก 2ปี ซึ่งถึงแม้ว่าทักษิณจะแย้งว่าข้อกล่าวหานี่เป็นคดีทางการเมืองก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จากหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยจะพบว่า ทั้งทักษิณและพรรคการเมืองของเขาที่ถูกยุบไปแล้วหลายครั้งยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากคนยากไร้ส่วนใหญ่ของประเทศที่จำนวนสัดส่วนประชากรที่มีรายได้น้อยยังมีจำนวนมากที่สุด และเป็นผลให้ทักษิณและพรรคการเมืองของเขาชนะการเลือกตั้งในทุกครั้งที่มีมาตั้งแต่ปี 2001 ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อของ “ทักษิณ”เป็นผู้ลงนำทัพการเลือกตั้งเองก็ตาม และถือว่าพรรคการเมืองของเขาเป็นพรรคแรกที่ได้ใจประชาชนชาวรากหญ้าของประเทศที่ใช้ประชานิยมเป็นนโยบายหาเสียงซื้อใจเพื่อลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นหนึ่งในหลายๆประเทศในเอเชียที่ยังมีความไม่เท่าเทียมกันด้านสังคมสูงสุด
และปัญหาหลักในการที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักในต่างแดนว่าเป็นเมืองแห่งรอยยิ้มและการต้อนรับ ต้องติดหล่มทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่านี้ เป็นเพราะประเทศไทยมี “นักเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่ดื้อด้านที่สุดในโลก” พรรคการเมืองตรงข้ามทักษิณ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่นอกจากจะไม่ประชันนโยบายหาเสียงที่ตรงใจกว่าและเอาชนะทักษิณและพวกในคูหาการเลือกตั้ง แต่พวกเขายังปฎิเสธที่จะยอมรับว่าการสนับสนุนของทักษิณสู่ชาวรากหญ้านั้นอาจเป็นจริง และฝ่ายต่อต้านทักษิณยังพยายามที่จะทำลายทักษิณและพรรคการเมืองของเขา
ในทางกลับกัน ทั้งตัวทักษิณและเหล่าผู้สนับสนุนทั้งหลาย เช่นพรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. ได้พิสูจน์แล้วถึงการที่ไม่เคยรู้จำคำว่า “ยอมแพ้” ถึงแม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่าเสียงส่วนใหญ่ของสังคมไทยไม่ให้การสนับสนุนพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่สามารถทำให้ทักษิณเดินทางกลับเข้ามาในไทยในสภาพไร้ข้อกล่าวหา รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของทักษิณยังพยายามดึงดันนำเสนอเข้าสู่รัฐสภาไทยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และการกระทำครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในประเทศ