เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – แคนาดาประกาศกร้าววานนี้ (24 พ.ย.) ว่าจะยังคว่ำบาตรระบอบปกครองอิหร่านต่อไป แม้สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับบรรดาชาติมหาอำนาจ เรื่องโครงการนิวเคลียร์เตหะรานแล้วก็ตาม โดยแคนาดาเรียกร้องให้มีการทำข้อตกลงที่แน่นอนมากกว่านี้เสียก่อน
อิหร่านได้ตกลงว่าจะควบคุมโครงการนิวเคลียร์ของประเทศในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่นานาชาติจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรแบบจำกัด ตามเงื่อนไขในข้อตกลงเบื้องต้น ซึ่งมุ่งสร้างรากฐานให้สนธิสัญญาฉบับครอบคลุมที่จะเจรจาจัดทำกันต่อไป
ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลง ในการเจรจามาราธอนที่นครเจนีวา ซึ่งสิ้นสุดลงในช่วงก่อนรุ่งสางวานนี้ (24) โดยเป็นการเจรจาอันยืดเยื้อยาวนานระหว่างอิหร่าน กับกลุ่ม P 5+1 ซึ่งประกอบไปด้วยชาติสมาชิกถาวร ของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ 5 ประเทศ บวกกับเยอรมนีอีก 1 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม จอห์น แบร์ด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา ออกมาเน้นย้ำว่าแคนาดาจะขอคว่ำบาตรอิหร่าน “อย่างรุนแรง และเต็มกำลัง” ต่อไปจนกว่าพวกผู้เจรจาจะสามารถทำสนธิสัญญาฉบับถาวรกันได้
“การคว่ำบาตรที่มีประสิทธิภาพครั้งที่ผ่านๆ มา ได้ทำให้ระบอบปกครองนี้ เลือกผู้นำที่ยึดมั่นในแนวทางสายกลางมากขึ้น อีกทั้งยอมเปิดทางให้มีการเจรจา” เขาระบุในคำแถลง
“ข้อตกลงที่ทำกันได้ในวันนี้ (24) จะต้องไม่ถูกเบี่ยงเบน หรือบ่อนทำลายโดยการหลอกลวง ประชาชนชาวอิหร่านสมควรได้รับอิสรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง หลังจากความทะเยอทะยานนิวเคลียร์ ของระบอบปกครองเตะหะรานได้กีดกันพวกเขามานานเกินไป”
ตามข้อตกลงชั่วคราวคราวนี้ เตหะรานจะต้องจำกัดการความเข้มข้นของยูเรเนียม ให้เหลืออยู่ในระดับต่ำที่เพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนเท่านั้น ทั้งนี้ เหล่าชาติมหาอำนาจตะวันตกสงสัยว่า อิหร่านต้องการเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียม ก็เพื่อพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
นอกจากนี้ คณะผู้ตรวจสอบปรมาณูของยูเอ็นยังจะสามารถเข้าถึงโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้เพิ่มขึ้น ซึ่งรวมทั้งการเข้าตรวจสอบสถานที่ทำการด้านนิวเคลียร์ด้วย
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้จะได้รับเงินราว 7 พันล้านดอลลาร์ จากมาตรการผ่อนปรนการคว่ำบาตร และบรรดาชาติมหาอำนาจให้สัญญาว่า จะไม่ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับอิหร่านเป็นเวลา 6 เดือน หากอิหร่านสามารถทำตามข้อตกลงได้อย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ดี นานาชาติยังไม่ได้ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่สำคัญๆ ทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านย่ำแย่ในขณะนี้ แต่อย่างใด
แบร์ดชี้ว่า “การที่อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ไม่ได้เป็นภัยกับแคนาดา และเหล่าชาติพันธมิตรเพียงเท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อความร่วมมือต่อต้านการแพร่กระจายของนิวเคลียร์ที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ อีกยังกระตุ้นให้บรรดาชาติเพื่อนบ้านในภูมิภาคที่เดิมทีก็แทบจะหาความสงบไม่ได้อยู่แล้ว หันมาพัฒนานิวเคลียร์บ้าง”
“เราจะไม่ประเมินข้อตกลงในวันนี้ (25) เฉพาะที่เนื้อหา แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการนำไปปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง และไม่เป็นเปิดทางให้มีการพัฒนากับโรงงานนิวเคลียร์ทั้งหมดในอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า แบร์ดก็เหมือนกับผู้นำในโลกตะวันตกจำนวนมาก ที่ไม่ได้เอ่ยถึงอิสราเอล ซึ่งเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นชาติเดียวในตะวันออกกลาง ที่ในเวลานี้มีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครองแล้ว