xs
xsm
sm
md
lg

“สภาชนเผ่าอัฟกัน” หนุนลงนาม “ข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคี” กับสหรัฐฯ ก่อนสิ้นปีนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี ฮาร์มิด คาร์ไซ แห่งอัฟกานิสถาน (ซ้าย) ยืนรับฟังความเห็นของ เซบกาตุลเลาะห์ มูญัดดิดี ประธานสภาผู้นำชนเผ่า โลยาจีร์กา ในวันสุดท้ายของการประชุมที่กรุงคาบูล วานนี้(24)
เอเอฟพี – สภาผู้ปกครองชนเผ่าของอัฟกานิสถานลงมติเห็นชอบข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคี (BSA) ที่จะอนุญาตให้สหรัฐฯ คงทหารอเมริกันบางส่วนไว้หลังปี 2014 ขณะที่ประธานาธิบดี ฮามิด คาร์ไซ ยังคงตั้งเงื่อนไข และไม่ระบุวันลงนามที่ชัดเจน

สภา “โลยาจีร์กา” ซึ่งประกอบด้วยนักการเมืองและผู้นำชนเผ่าต่างๆราว 2,500 คน ลงมติสนับสนุนให้คาบูลทำข้อตกลงยินยอมให้ทหารสหรัฐฯอยู่ปฏิบัติภารกิจต่อต้านก่อการร้าย และฝึกฝนกองกำลังอัฟกันหลังจากปี 2014 เป็นต้นไป พร้อมเรียกร้องให้ คาร์ไซ ลงนามข้อตกลงให้เรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้

ด้านผู้นำอัฟกันก็ยังไม่ระบุชัดเจนว่าพิธีลงนามจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ชี้ว่าจะต้องเป็นไปตาม “เงื่อนไขบางประการ”

ขณะเดียวกัน กลุ่มติดอาวุธตอลิบานก็ได้ออกมาประณามข้อตกลงฉบับนี้ หลังจากที่เคยขู่ทำร้ายพวกผู้นำชนเผ่า หากว่าพวกเขาสนับสนุนข้อตกลง “ผิดกฎหมาย และแสดงความเป็นทาสต่ออเมริกา ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อทั้งชาวอเมริกันผู้รุกรานและพวกอาชญากรที่ตกเป็นทาสเอง”

ในพิธีเปิดสภาผู้นำชนเผ่าเมื่อวันพฤหัสบดี(21) คาร์ไซ แถลงเจตนารมณ์ของตนเองที่ต้องการเลื่อนพิธีลงนามข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคีกับสหรัฐฯออกไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า เพื่อให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีผ่านพ้นไปเสียก่อน ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวได้สร้างความหงุดหงิดไม่น้อยต่อวอชิงตันที่ต้องการให้เรื่องนี้ลุล่วงไปโดยเร็วที่สุด

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงหลังทราบผลการลงมติของสภาโลยาจีร์กา ว่า “เป็นการยืนยันจากชาวอัฟกันเองว่าพวกเขายังมีเจตนารมณ์ที่จะเป็นหุ้นส่วนกับสหรัฐฯในระยะยาว... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาโลยาจีร์กาเรียกร้องให้มีการลงนามข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคีระหว่างเราทั้ง 2 ประเทศภายในสิ้นปีนี้”

ฝ่ายสนับสนุนชี้ว่า ข้อตกลงฉบับนี้มีความสำคัญยิ่งต่ออนาคตของอัฟกานิสถาน เนื่องจากกองกำลังนาโตจำนวน 75,000 นายจะต้องถอนกำลังออกไปในช่วงสิ้นปี 2014 ในขณะที่ทหารอัฟกันเองก็ยังอ่อนประสิทธิภาพ แม้จะผ่านการทำสงครามห้ำหั่นกับตอลิบานมานานถึง 12 ปีแล้วก็ตาม

ประธานาธิบดี คาร์ไซ ได้ตั้งเงื่อนไขกับสหรัฐฯไว้หลายประการ เช่น สหรัฐฯจะต้อง “ให้ความร่วมมือ” ในการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มตอลิบาน และทหารอเมริกันจะต้องไม่บุกค้นบ้านเรือนชาวอัฟกันอีก ซึ่งข้อหลังนี้ถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ทำให้การเจรจาข้อตกลงเกือบจะล่มไม่เป็นท่าไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

“หากทหารสหรัฐฯเข้าไปในบ้านชาวอัฟกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว จะไม่มีข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น ผมขอย้ำอีกครั้ง ถ้าพวกเขาเข้าไปในบ้านของพวกเขาแม้แต่ครั้งเดียว จะไม่มีข้อตกลงใดๆ อีก” คาร์ไซ กล่าว

ข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคีจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอัฟกานิสถานก่อนจะมีผลบังคับใช้ แต่ประเด็นหลักที่ทุกฝ่ายเป็นกังวลมากเสียยิ่งกว่าเนื้อหาของมันก็คือ วันเวลาที่ผู้นำอัฟกานิสถานจะยอมลงนาม

ฟาร์ดิน ฮาเชมี นักวิเคราะห์ชาวอัฟกัน เชื่อว่ารัฐบาลคาบูลจะยอมลงนามข้อตกลงกับสหรัฐฯในเร็วๆนี้ แม้ท่าทีของ คาร์ไซ จะยังแข็งกร้าวอยู่ก็ตาม

“อัฟกานิสถานจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และวอชิงตันก็ได้ตั้งเงื่อนไขของการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องไว้กับการลงนามข้อตกลงความมั่นคงภายในสิ้นปีนี้” เขากล่าว

คาร์ไซ ยืนยันต่อที่ประชุมผู้นำชนเผ่าว่า รัฐบาลจะเจรจาและต่อรองกับสหรัฐฯในเรื่องอื่นๆอีก หลังจากที่ โลยาจีร์กา ลงความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงความมั่นคงแล้ว เช่น ขอให้สหรัฐฯส่งตัวนักโทษชาวอัฟกันในเรือนจำกวนตานาโมกลับประเทศ และให้ทหารอเมริกันที่ก่ออาชญากรรมในอัฟกานิสถานต้องขึ้นศาลประจำฐานทัพสหรัฐฯในประเทศเท่านั้น เป็นต้น

ร่างข้อตกลงความมั่นคงที่รัฐบาลคาบูลเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเผยให้เห็นว่า คาร์ไซ ยอมตามข้อเรียกร้องของวอชิงตันที่ขอให้ทหารอเมริกันไม่ต้องขึ้นตรงกับกระบวนการยุติธรรมของอัฟกานิสถาน ไม่ว่าจะกระทำความผิดใดๆ ก็ตาม



กำลังโหลดความคิดเห็น