xs
xsm
sm
md
lg

เผย “หมอ-พยาบาล” ในเรือนจำของ CIA - กลาโหม ช่วย จนท.“ทรมาน” นักโทษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – แพทย์และพยาบาลที่รับหน้าที่ตรวจสุขภาพของผู้ต้องสงสัยในคดีก่อการร้าย แท้ที่จริงแล้วคือ ผู้สมรู้ร่วมคิดในการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และซีไอเอ งานวิจัยอิสระที่นำออกเผยแพร่วันนี้ (4 พ.ย.) ระบุ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) สั่งให้เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข “ร่วมมือในการหาข่าวกรอง และปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง ด้วยวิธีที่ทำให้ผู้ต้องขังในสถานกักกันสหรัฐฯ ต้องตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง”

งานวิจัยฉบับนี้ที่ใช้เวลาศึกษา 2 ปี โดยสถาบันแพทยศาสตร์ของอเมริกา และมูลนิธิโอเพนโซไซตี้ ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจาก จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงินผู้ทรงอิทธิพล ระบุว่าแพทย์ได้ช่วยวางแผน เปิดทาง และร่วมมือในการ “ทรมานและทำการบำบัดรักษาที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และเลวทราม” ต่อนักโทษ

ทั้งนี้ ความร่วมมือของแพทย์และพยาบาลเช่นนี้เกิดขึ้นที่เรือนจำสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน กวนตานาโม และสถานคุมขังลับต่างๆ ของซีไอเอ โดยเริ่มต้นหลังเกิดเหตุลอบโจมตีสหรัฐฯ ครั้งร้ายแรงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001

“เป็นที่ชัดเจนว่า ด้วยการอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นของของชาติ กองทัพก็ได้กลายเป็นผู้มีอำนาจเหนือ (คำปฏิญาณที่ว่าจะรักษาจรรยาบรรณแพทย์) และแพทย์จะเปลี่ยนบทบาทไปเป็นตัวแทนของกองทัพ ตลอดจนกระทำการที่ตรงข้ามกับจรรยาบรรณ และเวชปฏิบัติ” เจอรัลด์ ทอมสัน ผู้ร่วมวิจัยกล่าว ทั้งนี้เขาเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณ ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

รายงานฉบับนี้ ซึ่งจัดทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ได้แก่ การทหาร จริยธรรม การแพทย์ สาธารณสุข และกฎหมาย รวม 24 คน ได้เรียกร้องให้ คณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาอเมริกัน ตรวจสอบการทำงานของแพทย์ในสถานคุมขังอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ลีโอนาร์ด รูเบนสไตน์ ผู้ร่วมวิจัย จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ ได้มุ่งประเด็นไปที่การยัดเยียดอาหารให้ผู้ต้องขังในเรือนจำอ่าวกวนตานาโม ซึ่งอดข้าวประท้วง ตลอดจนการที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอใช้วิธีการที่รุนแรงก้าวร้าว สอบสวนผู้ต้องสงสัย และการทรมานด้วยการเทน้ำใส่ใบหน้าของผู้ต้องขัง ที่ถูกปิดตาและถูกมัดติดกับแผ่นกระดานโดยให้ศีรษะเอียงต่ำลง อันเป็นการจำลองสถานการณ์เสมือนหนึ่งกำลังถูกกดให้จมน้ำ ซึ่งเรียกว่า “การจมน้ำบก” (waterboarding) ในสถานที่ซึ่งถูกเก็บเป็นความลับ

ผู้เขียนรายงานฉบับนี้เรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และซีไอเอทำตามแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานด้วยการยอมให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ยึดมั่นในจรรยาบรรณแพทย์ เพื่อที่ต่อไปพวกเขาจะสามารถรักษาผู้ต้องขังอื่นๆ ได้

ทางด้านซีไอเอและกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาแย้งข้อมูลในรายงานฉบับดังกล่าว

ดีน บอยด์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของซีไอเอกล่าวว่ารายงานฉบับนี้ “มีข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง และบทสรุปที่ไม่ถูกต้อง”

“เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเน้นย้ำว่า เวลานี้ซีไอเอไม่มีการกักกันผู้ต้องขังใดๆ และประธานาธิบดี (บารัค) โอบามาก็ได้ออกคำสั่งของฝ่ายบริหาร เพื่อยุติโครงการส่งผู้ร้ายข้ามมลรัฐ การจับกุม และการสอบสวน (Rendition, Detention and Interrogation Program) แล้ว” บอยด์กล่าว

ทั้งนี้ โอบามาได้ลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหาร หลังจากที่เขาเข้ามาดำรงตำแหน่งในปี 2009 ได้ไม่นาน โดยคำสั่งดังกล่าวมุ่งยุติวิธีการสอบสวนผู้ต้องหา ที่ใช้ในสมัยของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งนักวิจารณ์กล่าวว่าเป็นการทรมานนักโทษ

ทางฝ่าย ทอดด์ บรีสซีล โฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โต้แย้งว่า ไม่มีนักวิจารณ์การรักษาพยาบาลในเรือนจำคนไหนที่ “เข้าถึงตัวผู้ต้องขัง และบันทึกการรักษาของพวกเขาในเรือนจำ” หรือได้อ่านวิธีดำเนินงานของค่ายกักกันกวนตานาโมจริงๆ เลย

การกล่าวหาบุคลากรทางการแพทย์ว่า สมรู้ร่วมคิดทำร้ายผู้ต้องขังนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2009 กลุ่มแพทย์เพื่อสิทธิมนุษยชน (Physicians for Human Rights) กล่าวว่า มีการส่งแพทย์ไปติดตามวิธีการสอบสวนของซีไอเอ เพื่อที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพวิธีการเหล่านี้ และแพทย์กลุ่มนี้เผยว่า เวชปฏิบัติ (ในเรือนจำ) เช่นนี้เปรียบได้กับ “การทดลองอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย” โดยใช้นักโทษเป็นหนูทดลอง
กำลังโหลดความคิดเห็น