เอพี /เอเจนซีส์ - เบลเยียมมีแนวคิดที่จะอนุญาตเด็กที่ป่วยสามารถตัดสินใจจบชีวิตตนเองด้วยวิธี “การุณยฆาต” ได้หากได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง และรวมไปถึงในรายของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมระยะเริ่มแรกในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด หลังจากที่เบลเยียมเป็นประเทศแรกที่อนุญาตให้มีพลเมืองอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไปสามารถมีสิทธิ์ที่จะร้องขอจบชีวิต
การที่เด็กชาวเบลเยียมที่ป่วยนั้นต้องการขอใช้สิทธิ์ที่จะจบชีวิตด้วยวิธี “การุณยฆาต” จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้ผู้ปกครองของตัวเด็กยินยอมเท่านั้น นอกจากนี้ทางเบลเยียมยังตั้งเป้าที่จะอนุญาตให้ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในระยะต้นในวัยผู้ใหญ่จะสามารถขอจบชีวิตได้ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอโดยพรรคโซเชียลลิสต์ และยังต้องการให้รัฐสภาเบลเยียมโหวตรับรองเพื่อการบังคับใช้ต่อไป แต่ในขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างที่ทางสภาสูงเบลเยียมได้เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคของสังคมทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายค้านกฏหมายฉบับนี้เข้าให้ข้อมูลกับทางสภา
อย่างไรก็ตาม พบว่ากฎหมาย “การุณยฆาต” ฉบับนี้ได้รับเสียงต่อต้านจากพรรคคริสเตียนเดโมแครตและพรรคเฟลมมิช ที่ขู่ว่า หากจำเป็นจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECHR) โดยในปี 2002 เบลเยียมถือเป็นชาติแรกในโลกที่อนุญาตให้ผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิ์ “การุณยฆาต” ได้ และจากรายงานพบว่า ตั้งแต่มีกฎหมาย “การุณยฆาต” บังคับใช้ ยอดตัวเลขของผู้ป่วยขอใช้สิทธิ์นี้เพิ่มสูงขึ้นจาก 235 ราย ต่อปีในปี 2003 เพิ่มเป็นจำนวนมากกว่า 1,432 รายต่อปี ในปี 2012 ซึ่งแพทย์จะทำการฉีดยานอนหลับอย่างแรงให้กับคนไข้ก่อนที่จะฉีดยาเพื่อให้หัวใจหยุดเต้นต่อไป
การทำ “การุณยฆาต” นี้ยังเป็นข้อถกเถียงทั่วโลก โดยพบว่ามีไม่กี่ประเทศในโลกที่อนุญาตให้พลเมืองสามารถเลือกวิธีนี้เพื่อจบชีวิต เช่น เนเธอร์แลนด์นั้นอนุญาตให้ผู้ใหญ่รวมถึงเด็กที่มีอายุมากกว่า 12 ปี สามารถใช้สิทธิ์ขอได้หากผู้ปกครองของเด็กผู้นั้นยินยอม “แต่จะเกิดขึ้นเฉพาะในกรณีที่เป็นพิเศษมากเท่านั้น” นอกจากนี้ยังพบว่า ลักเซมเบิร์กก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่อนุญาตให้มี “การุณยฆาต” เหมือนเช่นในสวิตเซอร์แลนด์ที่แพทย์จะแค่ช่วยเหลือคนไข้จบชีวิตแต่ไม่ถึงกับลงมือทำเอง และที่ในสหรัฐฯ นั้นพบว่ารัฐโอเรกอน รัฐวอชิงตัน รัฐเวอร์มอนท์ รัฐมอนทานา นั้นอนุญาตให้แพทย์สามารถช่วยเหลือให้คนไข้ใช้สิทธิ์ “การุณยฆาต” ได้ในกรณีที่คนไข้ป่วยหนักถึงขั้นสุดท้ายของชีวิต และคนไข้มีอายุมากกว่า 18 ปี ขึ้นไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในเบลเยียม มีการโต้เถียงว่า เด็กยังไม่มีความสามารถพอที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับ “การุณยฆาต” เองได้ โดย อังเดร โยเซฟ ลีโอนาร์ด อาร์คบิชอปแห่งเบลเยียม ได้กล่าวกับสภาสูงว่า “มันแปลกที่ในทางกฏหมายแล้ว ผู้เยาว์นั้นถือว่าไม่มีความสามารถที่จะตัดสินใจเองได้ เช่น การแต่งงาน แต่อาจ[จะมีความสามารถ]ตัดสินใจที่จะขอใช้สิทธิ์จบชีวิตตนเอง” ซึ่งอาร์คบิชอปท่านนี้ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมี กฎหมาย “การุณยฆาต” ซึ่งวิธีการถอดอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางการแพทย์ทั้งหมดออกจากคนไข้ที่ป่วยหนักนั้นถือเป็นทางเลือกของ “การุณยฆาต” อยู่ในตัวแล้ว และยังจะทำให้แพทย์ผู้ลงมือฆ่าคนไข้ของตัวต้องรู้สึกผิดไปด้วย
ในขณะที่ จอห์น แฮร์รีส ศาสตราจาย์ด้าน Bioethics แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ กล่าวแย้งว่า “ความคิดที่เด็กสามารถตัดสินใจใช้สิทธิ์ “การุณยฆาต” ได้นั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ฟังแล้วดูน่าตกใจมาก แต่ทว่าหลักการนี้เกิดมาจาก “ความเมตตาและการปกป้อง” ซึ่งมันไม่เป็นการยุติธรรมที่จะอนุญาตให้ประชาชนบางกลุ่มสามารถมีสิทธิ์ตัดสินใจใช้สิทธิ์ขอ “การุณยฆาต” ได้ ในขณะที่ประชาชนกลุ่มอื่นไม่สามารถทำได้ หากความจำเป็นที่ต้องการใช้สิทธิ์นี้เท่ากัน”