xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: โลกตะลึง “อัล-เชบับ” กราดยิงห้างหรูในเคนยา ลือสะพัด “แม่ม่ายขาว” ตัวบงการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ห้างสรรพสินค้าเวสต์เกตในกรุงไนโรบีของเคนยา ซึ่งถูกกลุ่มติดอาวุธ อัล-เชบับ บุกเข้าไปกราดยิงประชาชน เมื่อวันที่ 21 กันยายน และยึดตัวประกันไว้ในห้างนานถึง 4 วัน
เคนยา ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆในทวีปแอฟริกา ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งทั่วโลกในสัปดาห์นี้ หลังกลุ่มติดอาวุธ “อัล-เชบับ” จากโซมาเลียนำกำลังบุกเข้าห้างสรรพสินค้า “เวสต์เกต” กลางกรุงไนโรบี และกราดยิงใส่ประชาชนไม่เลือกหน้าจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมหลายร้อยคน ขณะที่สื่อหลายสำนักอ้างถึงสตรีมุสลิมชาวอังกฤษเจ้าของฉายา “แม่ม่ายขาว” ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารเพื่อนมนุษย์อย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้

จากคำบอกเล่าของผู้ที่เห็นเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายซึ่งปกปิดหน้าได้โยนระเบิดมือและสาดกระสุนใส่ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าเวสต์เกต เมื่อราวๆเที่ยงของวันเสาร์ที่21 กันยายนและยังจับคนเป็นตัวประกันด้วย ทำให้บรรดานักช้อปต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันโกลาหลและเมื่อดูจากประวัติการก่อเหตุทั่วโลกซึ่งรวมถึงการบุกโรงงานก๊าซกลางทะเลทรายในแอลจีเรียเมื่อ 9 เดือนที่แล้วก็บ่งชี้ว่าอัล-เชบับที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ด้วยนั้นเป็นพวกที่พร้อมจะ “พลีชีพ”

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมีผู้บาดเจ็บจากเหตุกราดยิงครั้งนี้ราวๆ 200 คนขณะที่สภากาชาดเคนยาก็ได้ออกประกาศวิงวอนให้ประชาชนช่วยกันบริจาคเลือดเพื่อช่วยชีวิตคนเจ็บ
ร่างผู้เสียชีวิตที่ตกเป็นเหยื่อคมกระสุนของกลุ่มก่อการร้าย
หลังเกิดเหตุ กลุ่มกบฏ อัล-เชบับ ในโซมาเลียได้ประกาศความรับผิดชอบโดยอ้างว่าต้องการแก้แค้นที่เคนยาร่วมมือกับสหภาพแอฟริกาส่งทหารเข้าไปกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ในโซมาเลีย

นอกจากชาวเคนยาแล้วยังมีคนต่างชาติถูกสังหารในเหตุกราดยิงครั้งนี้ด้วย ในจำนวนนั้นเป็นชาวอังกฤษ 3 คน, แม่และลูกสาวชาวฝรั่งเศส 2 คน, นักการทูต2 คนจากแคนาดาและกานา, หญิงชาวจีน 1 คน, ชาวอินเดีย 2 คน, ชาวเกาหลีใต้ 1 คน, ชาวแอฟริกาใต้ 1 คน และชาวเนเธอร์แลนด์1 คน นอกจากนี้ยังมีชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บ 5 คน

ปฏิบัติการก่อการร้ายครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในเคนยานับตั้งแต่เครือข่ายอัลกออิดะห์ในแอฟริกาตะวันออกลอบวางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงไนโรบีจนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 รายเมื่อปี 1998

ประธานาธิบดีอูฮูรู เคนยัตตา แห่งเคนยาซึ่งเสียหลานชายและคู่หมั้นของเขาไปในเหตุกราดยิงครั้งนี้ด้วย ได้มีถ้อยแถลงผ่านสื่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าผู้ก่อการอันเลวร้าย “เยี่ยงสัตว์” จะลอยนวลไปไม่ได้ และรัฐบาลจะนำตัวผู้บงการมาลงโทษโดยเร็วที่สุด ขณะที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ซึ่งมีบิดาเป็นชาวเคนยา ก็ได้โทรศัพท์ถึง เคนยัตตา เพื่อแสดงความเสียใจ พร้อมเสนอมอบความช่วยเหลือเช่นเดียวกับรัฐบาลอิสราเอล
ประธานาธิบดี อูฮูรู เคนยัตตา แห่งเคนยา แถลงข่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง หลังสูญเสียหลานชายและคู่หมั้นของเขาไปในเหตุกราดยิงห้างเวสต์เกต
ปฏิบัติการปิดล้อมกลุ่มติดอาวุธภายในห้างเวสต์เกตซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่อิสราเอล, อังกฤษ และสหรัฐฯ ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงวันอังคาร(24) ประธานาธิบดีเคนยัตตา จึงได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเหตุมือปืนอิสลามิสต์บุกยึดห้างสรรพสินค้าในกรุงไนโรบีซึ่งยืดเยื้อมานานถึง 4 วันเต็มได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยมีพลเรือนสังเวยชีวิตทั้งหมด 72รายกองกำลังความมั่นคงอีก 6 นายพร้อมประกาศไว้อาลัยแก่เหยื่อปฏิบัติการก่อการร้ายครั้งนี้ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน

"เราปราบผู้โจมตีได้แล้วภารกิจอันแสนสาหัสของเราเสร็จสมบูรณ์แล้ว" เคนยัตตาแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์พร้อมระบุว่าผู้ก่อเหตุเสียชีวิต 5 รายและมีผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัว 11 คน

ประเด็นที่สื่อทั่วโลกให้ความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือบทบาทของสตรีผู้มีฉายาว่า “แม่มายขาว”ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นผู้วางแผน และนำแนวร่วมชายฉกรรจ์เข้าโจมตีห้างเวสต์เกต

“แม่มายขาว” มีชื่อจริงว่า ซาแมนธาลิวธ์เวต เป็นภรรยาม่ายชาวอังกฤษของ เจอร์แมน ลินด์เซย์ หนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ร่วมวางระเบิดรถไฟใต้ดินและรถประจำทางในกรุงลอนดอนจนคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกว่า 50 คน เมื่อปี 2005

ในบัญชีทวิตเตอร์ที่อ้างว่าเป็นของกลุ่มอัล-เชบับระบุว่านักรบก่อการร้ายกลุ่มนี้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลิวธ์เวตโดยเธอเป็นถึงหัวหน้าระดับสูงของกลุ่ม และทางกลุ่มก็ถือว่าเธอเป็นสตรีที่ “กล้าหาญ ”

ลิวธ์เวต ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ประสานงานจัดตั้งหน่วยนักรบญิฮาดหญิงล้วนขึ้นในแอฟริกาและยังวางแผนโจมตีหลายต่อหลายครั้งในสถานที่เคารพบูชาของ “พวกที่ไม่เชื่อในอิสลาม”
ซาแมนธา ลิวธ์เวต สตรีมุสลิมชาวอังกฤษ เจ้าของฉายา “แม่ม่ายขาว”
อย่างไรก็ดี มีบุคคลผู้อ้างตนว่าเป็นผู้บัญชาการคนหนึ่งของอัล-เชบับ ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุบีบีซและหนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับเมื่อวันจันทร์ (23) ว่าพวกที่โจมตีห้างเวสต์เกตคราวนี้ไม่มีชาวตะวันตกหรือผู้หญิงร่วมด้วยและข่าวลือเรื่องแม่ม่ายขาวที่สื่อหลายสำนักรายงานก็ไม่เป็นความจริง

ด้านผู้นำเคนยาก็ระบุว่า ได้รับข่าวกรองที่บ่งชี้ว่ามีผู้หญิงชาวอังกฤษและพลเมืองสหรัฐฯอีก2-3 คนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีห้างเวสต์เกตด้วย แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนขณะที่ จูเลียส คารันกิ ผู้บัญชาการกองทัพเคนยาชี้ว่ากลุ่มคนร้ายเป็นนักรบต่างชาติจากหลากหลายประเทศรวมถึงสมาชิก อัล-เชบับในโซมาเลีย

ในคืนวันพุธ(25) อาเหม็ด โกดาเน หรือ มุคตาร์ อบู อัซ-ซุเบร์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มติดอาวุธ อัล-เชบับ ได้เผยแพร่คลิปเสียงลงในเว็บไซต์ www.somalimemo.net ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเหตุกราดยิงที่ห้างเวสต์เกตเป็นฝีมือของกลุ่มตนเองจริง พร้อมเตือนให้รัฐบาลเคนยาถอนทหารออกจากโซมาเลีย มิเช่นนั้นก็ให้ระวัง “สงครามอันยืดเยื้อ, เลือด, การทำลายล้าง และการอพยพ”

ความซับซ้อนของปฏิบัติการจับกุมคนร้ายที่มีอยู่เพียงราวๆ 15 คน แต่กลับต้านทานเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของเคนยาไว้ได้นานถึง 4 วันเต็มนั้น สะท้อนให้เห็นว่า อัล-เชบับ มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ทั้งยังฝึกฝนทักษะการโจมตีขั้นสูงจนสามารถก้าวข้ามกลยุทธ์ “สู้แล้วถอย” อย่างที่เคยทำมา

ผู้เชี่ยวชาญข่าวกรองในภูมิภาคแอฟริกาชี้ว่า คนร้ายน่าจะเป็นนักรบกลุ่มย่อยที่ภักดีต่อ อาเหม็ด โกดาเน ผู้ซึ่งต้องการยกระดับ อัล-เชบับให้กลายเป็นเครือข่ายญิฮาดระดับนานาชาติ

นักการทูตในกรุงไนโรบีผู้หนึ่งเชื่อว่า กลุ่มติดอาวุธในห้างเวสต์เกตน่าจะเป็นหน่วยปฏิบัติการลับ “อัมนิยาต” ของ โกดาเน ซึ่งมีสายบังคับบัญชา, เส้นทางลำเลียง และแหล่งเงินทุนเป็นของตนเอง ขณะที่สายลับโซมาเลียอีกคนชี้ว่า คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่ม “อิกติฮาม” ที่แปลว่า “จู่โจม” ในภาษาอาหรับ

เหตุสังหารหมู่ภายในห้างสรรพสินค้าเวสต์เกตของเคนยาสะท้อนให้โลกตะวันตกได้ประจักษ์ชัดแล้วว่ากลุ่ม อัล-เชบับซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ยังคงมีพิษสงใช่ย่อย และมีแนวโน้มที่จะใช้โซมาเลียเป็นฐานปฏิบัติการโจมตีประเทศอื่นๆในภูมิภาค แม้สหภาพแอฟริกาจะผนึกกำลังส่งทหารเข้าไปกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธจนต้องล่าถอยออกไปจากเขตเมืองแล้วก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น