เอเจนซีส์ - กองกำลังความมั่นคงของเคนยา ยิงต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มติดอาวุธโซมาเลียที่เชื่อมโยงกับอัล-กออิดะห์ ภายในศูนย์การค้าหรูกลางกรุงไนโรบีเมื่อวันจันทร์ (23 ก.ย.) อันเป็นวันที่ 3 แล้วนับแต่ที่นักรบอิสลามิสต์หัวรุนแรงเหล่านี้บุกจู่โจมกราดยิงและจับตัวประกันในห้างแห่งนี้เอาไว้จำนวนหนึ่ง โดยที่ฝ่ายรัฐบาลเคนยาแสดงท่าทีจะจัดการขั้นเด็ดขาด หลังจากมีผู้ถูกสังหารไปในเหตุคราวนี้แล้วอย่างน้อย 69 ศพ
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันจันทร์ มีขั้นสีดำหนาทึบลอยขึ้นมาจากห้าง “เวสต์เกต” โดยที่มีเสียงปืนและเสียงระเบิดภายในห้างดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่เคนยากล่าวว่า กำลังจะเข้าจัดการปราบปรามขั้นสุดท้าย
รัฐมนตรีมหาดไทย โจเซฟ โอเล เลนคู ของเคนยา แถลงว่า “เราคิดว่าการปฏิบัติการจะมาถึงจุดยุติในเร็วๆ นี้” เขากล่าวที่บริเวณด้านนอกของศูนย์การค้าหรูในกรุงไนโรบีแห่งนี้ ซึ่งมีชาวอิสราเอลเป็นเจ้าของร่วม และเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวเคนยาผู้มั่งคั่งตลอดจนชาวต่างประเทศ
“เราเข้าควบคุมเอาไว้ได้ทุกชั้นแล้ว พวกผู้ก่อการร้ายกำลังวิ่งหนีและกำลังหลบหนีอยู่ในร้านค้าบางแห่ง ... ไม่มีช่องทางสำหรับหลบหนีแล้ว” เขาระบุ พร้อมกับเสริมว่ามีคนร้ายถูกสังหารไป 2 คน ขณะที่พวกตัวประกันบางคนได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว ทว่าเขาไม่ได้บอกตัวเลขที่ชัดเจน
องค์การกาชาดเคนยาแถลงว่า ได้รับแจ้งผู้สูญหายจำนวนอย่างน้อยที่สุด 63 คน ซึ่งบางคนคงจะเป็นพวกที่ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่บางคนก็อาจจะตกเป็นเหยื่อถูกสังหาร หรือไม่ก็ยังคงกำลงซ่อนตัวอยู่ สำหรับผู้บาดเจ็บนั้น พวกเจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีราว 200 คน
เจ้าหน้าที่อาวุโสของเคนยาเผยว่า ตำรวจเคลื่อนเข้าประชิดกลุ่มติดอาวุธ “อัล ชาบับ” เหล่านี้ หลังจากช่วยตัวประกันออกมาได้เพิ่มในคืนวันอาทิตย์ (22) และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงผู้หนึ่งบอกว่า การโจมตีขั้นแตกหักต่อกลุ่มก่อการร้ายอัล ชาบับจากโซมาเลียที่จับตัวประกันเป็นโล่มนุษย์ใกล้เข้ามาทุกที พร้อมเผยว่า ปฏิบัติการนี้มีกองกำลังอิสราเอล รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากอังกฤษและอเมริกาเข้าร่วมด้วย
ทว่า โฆษกของกลุ่มอัล ชาบับ ซึ่งระบุว่าเป็นผู้รับผิดชอบก่อเหตุคราวนี้เพื่อเรียกร้องให้เคนยาถอนทหารออกจากโซมาเลีย ได้ขู่ว่าจะสังหารตัวประกันหากทางการเคนยาพยายามจู่โจมเข้าไปในอาคาร พร้อมประกาศว่า พวกตนยังสามารถควบคุมสถานการณ์ในห้างได้ทั้งหมดแม้ล่วงเข้าวันที่ 3 แล้วก็ตาม
จากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตที่ว่า คนร้ายเหล่านี้เปิดโจมตีแบบทหารโดยขว้างระเบิดและสาดกระสุนปืนกลเข้าใส่เหยื่อแบบไม่มีการจำแนกแยกแยะ บ่งชี้ว่ามือปืนกลุ่มนี้ไม่ลังเลที่จะฆ่าผู้อื่น ขณะเดียวกัน จากประวัติการก่อเหตุทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการบุกโรงงานก๊าซกลางทะเลทรายในแอลจีเรียเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว ก็บ่งชี้ว่ากลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอัล-กออิดะห์นั้น เป็นพวกพร้อมพลีชีพ
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีอูฮูรู เคนยัตตาของเคนยา ยืนกรานว่า จะไม่ถอนทหารออกจากโซมาเลีย ในปฏิบัติการรุกไล่อัล ชาบับร่วมกับกองกำลังรักษาสันติภาพสหภาพแอฟริกาที่ดำเนินมาถึง 2 ปี
ผู้นำเคนยาที่สูญเสียหลานชายพร้อมคู่หมั้นของหลานไปในห้างเวสต์เกตคราวนี้ด้วย ยังประกาศทำสงครามกับการก่อการร้ายขั้นเด็ดขาด และให้สัญญาว่า จะจับผู้บงการมาลงโทษสถานหนักอย่างรวดเร็ว
ทว่า ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า มือปืนกลุ่มนี้มีใครบ้าง เนื่องจากอัล ชาบับมีทั้งนักรบโซมาเลียและต่างชาติที่ต่อสู้กับตะวันตกและสหภาพแอฟริกา กระนั้น อัล ชาบับออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่า มือปืนในเหตุการณ์นี้เป็นคนชาติอื่นที่ไม่ชาวโซมาเลียและมีผู้หญิงรวมอยู่ด้วย
ทางด้าน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์ถึงเคนยัตตา เพื่อแสดงความเสียใจและเสนอความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับรัฐบาลอิสราเอล เนื่องจากห้างสรรพสินค้าของชาวอิสราเอลในเคนยามักตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง
บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ก็ประณามว่าความรุนแรงครั้งนี้เลวร้ายอย่างยิ่ง
นอกจากชาวเคนยาแล้ว ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ยังรวมถึงชาวอังกฤษ 3 คน, แม่และลูกสาวชาวฝรั่งเศส 2 คน, นักการทูตสองคนจากแคนาดาและกานา, ผู้หญิงจีน 1 คน, อินเดีย 2 คน, เกาหลีใต้ 1 คน, แอฟริกาใต้ 1 คน และเนเธอร์แลนด์1 คน และมีชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บ 5 คน
เหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในเคนยานับจากปี 1998 ที่เครือข่ายอัล-กออิดะห์ในแอฟริกาตะวันออกลอบวางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงไนโรบี ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย