เอเจนซีส์ - ซาแมนธา ลิวธ์เวต สตรีชาวอังกฤษวัย 29 ปี เจ้าของฉายา “แม่ม่ายขาว” เนื่องจากเธอเป็นภรรยาของ เจอร์เมน ลินด์เซย์ 1 ในมือระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งก่อเหตุบึ้มขบวนรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2005 กำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า อาจเป็นผู้นำกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ “อัล-เชบับ” ซึ่งบุกกราดยิงและจี้จับตัวประกันในห้าง “เวสต์เกต” อันหรูหราของกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ตั้งแต่วันเสาร์ (21ก.ย.)ที่ผ่านมา และยืดเยื้อมาจนถึงวันจันทร์ (23)
สื่อทั่วโลกจำนวนมาก เป็นต้นว่า เมลออนไลน์ ของอังกฤษ, ซีมีเดีย ของอินเดีย, เมลแอนด์การ์เดียน ของแอฟริกาใต้ รายงานว่า เวลานี้ตำรวจเคนยากำลังสอบสวนเรื่องนี้ หลังจากที่มีผู้รอดชีวิตออกมาจากห้างดังในกรุงไนโรบีแห่งนี้ ระบุว่าในเห็น “ผู้หญิงผิวขาว” คนหนึ่งในหมู่พวกคนร้ายจี้จับตัวประกัน
ขณะเดียวกัน ในแอคเคาต์ทวิตเตอร์ที่อ้างว่าเป็นของกลุ่มอัล-เชบับ ก็ได้ทวิตในวันอาทิตย์ (24) ว่า พวกเขากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับลิวธ์เวต ตลอดจนมีการเผยแพร่ภาพหญิงผิวขาวใส่ที่คลุมศีรษะและกำลังถือปืนผู้หนึ่ง ก่อนที่แอคเคาต์นี้จะถูกระงับไม่ให้ใช้
ทั้งนี้สื่อระบุว่า ก่อนที่จะถูกระงับไป แอคเคาต์ทวิตเตอร์นี้บอกว่า ซาแมนธา ลิวธ์เวต “แม่ม่ายขาว” เป็นหนึ่งในหัวหน้าระดับสูงของกลุ่ม และทางกลุ่มถือว่าเธอเป็นสตรีที่ “กล้าหาญ ” นอกจากนี้ แอคเคาต์ทวิตเตอร์ดังกล่าวบอกด้วยว่า มีชายชาวอังกฤษอีก 2 คนจากกรุงลอนดอนและเขตไชร์ดูน ได้ร่วมลงมือในครั้งนี้ด้วย
ถึงแม้มีสื่อบางราย เป็นต้นว่า หนังสือพิมพ์บริติช เนชั่นแนล โพสต์ อ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงทั้งในอังกฤษและในเคนยาระบุว่า ไม่มีข่าวกรองใดๆ ที่บ่งชี้ว่า เธออยู่ในหมู่พวกเข้าโจมตีกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเหล่านี้บอกว่า เรื่องนี้ยังคงไม่สามารถ “ปฏิเสธได้อย่างสิ้นเชิง”
นอกจากนั้น ยังมีบุคคลผู้อ้างตนว่าเป็นผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งของ อัล-เชบับ ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏในโซมาเลีย ให้สัมภาษณ์วิทยุบีบีซี และหนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับในวันจันทร์ (23) ระบุว่าพวกที่เข้าโจมตีห้างเวสต์เกตคราวนี้ไม่มีชาวตะวันตกหรือผู้หญิงร่วมด้วยเลย ข่าวที่สื่อต่างๆ รายงานอ้างกันนั้นไม่เป็นความจริง
ตามประวัติของ “แม่ม่ายขาว” นั้น เธอเป็นลูกสาวของนายทหารอังกฤษ และเติบโตขึ้นมาในย่านบักกิ้งแฮมไชร์เหมือนเด็กสาวชาวอังกฤษทั่วไปในยุคสมัยนั้น อย่างเช่น ชื่นชอบไปเต้นรำในสถานดิสโก้
แต่แล้วลิวธ์เวตก็เปลี่ยนแปลงไป เมื่อได้พบกับ เจอร์เมน ลินด์เซย์ ชาวมุสลิมสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเธอพบทางห้องแชทออนไลน์ตอนที่เธออายุ 17 ปี เธอเปลี่ยนศาสนาไปนับถืออิสลาม และแต่งงานกับลินด์เซย์ในอีก 3 ปีต่อมา
ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2005 มือระเบิดฆ่าตัวตาย 4 คนแยกย้ายกันก่อเหตุบึ้มขบวนรถไฟใต้ดินและรถโดยสารคันหนึ่งในกรุงลอนดอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 52 คน โดยระเบิดซึ่งเกิดขึ้นในขบวนรถไฟใต้ดินที่บริเวณสถานีคิงส์ครอส และสังหารผู้คนไป 26 ชีวิตนั้น มือระเบิดก็คือ ลินด์ซีย์ นั่นคือครั้งแรกที่ตำรวจสนใจ ลิวธ์เวต ขึ้นมา ทว่าเธอปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
อีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา เธอก็พ้นจากการเฝ้าติดตามของตำรวจและไม่ปรากฏเป็นข่าวอะไรอีก จนกระทั่ง 8 ปีหลังจากนั้น เธอจึงกลายเป็นข่าวดังอีกครั้งภายใต้ฉายานาม “แม่ม่ายขาว”
อันที่จริงระหว่างเวลาเหล่านี้ มีรายงานกล่าวหาว่าลิวธ์เวตได้เข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายอย่างแข็งขัน
เธอถูกระบุว่าเป็นทั้งนายทุนด้านการเงิน, ผู้ระดมหาสมัครพรรคพวกหน้าใหม่ๆ , และผู้ฝึกอบรมให้เครือข่ายอัลกออิดะห์ ซึ่งกลุ่ม อัล-เชบับ มีความเชื่อมโยงผูกพันใกล้ชิด “แม่ม่ายขาว” ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ประสานงานจัดตั้งหน่วยนักรบญิฮัดหญิงล้วนในแอฟริกาข้นมา แล้วยังเป็นผู้วางแผนจัดการโจมตีหลายต่อหลายครั้งในสถานที่เคารพบูชาของ “พวกที่ไม่เชื่อในอิสลาม”
ลิวธ์เวตยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้นำผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปขว้างระเบิดใส่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองมอมบาซา รีสอร์ตชายฝั่งทะเลของเคนยาซึ่งเป็นที่นิยมของชาวอังกฤษ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 50 คน