เอเจนซีส์ /เอพี - กลุ่มติดอาวุธก่อการร้ายโซมาเลีย “อัล-ชาบาบ” ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ได้ประกาศความรับผิดชอบในเหตุการณ์กราดยิงใน “เวสต์เกท” ห้างหรูกลางกรุงไคโรบีเมื่อวานนี้ (21) ซึ่งขณะนี้ยังมีการยิงต่อสู้กันอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่เคนยา โดยกลุ่มก่อการร้ายโยนระเบิดและยิงปืนตอบโต้ทางเจ้าหน้าที่ จากการรายงานพบว่า ตัวประกันหลายสิบคนยังถูกจับกุมอยู่ จากยอดล่าสุด มีผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงถึง 59 คน และผู้บาดเจ็บถึง 175 คน
เจ้าหน้าที่เคนยารายงานผ่านเอพีถึงสถานการณ์ล่าสุดในเช้าวันอาทิตย์ (22) ของเหตุการณ์กราดยิงในห้างเวสต์เกทในกรุงไคโรบี เคนยาว่า ในขณะนี้กลุ่มมือปืนยังคงจับกุมตัวประกันจำนวนหลายสิบคนอยู่ ด้านเจ้าหน้าที่เคนยายืนยันว่า เหตุการณ์จะจบลงในไม่ช้า และขณะนี้กลุ่มก่อการร้ายปาระเบิดและยิงปืนสู้กันอยู่กับเจ้าหน้าที่เคนยา ซึ่งล่าสุดนี้กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 59 คน รวมถึงชาวฝรั่งเศส 2 คน และชาวแคนาดาอีก 2 คน ที่รวมถึงนักการทูตของแคนาดา นอกจากนี้มีจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 175 คน รวมถึงชาวอเมริกัน 4 คน ได้รับบาดเจ็บ ในบ่ายวันเสาร์ (21) โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีเคนยายูฮูรู เคนยัตตา ได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า “กลุ่มมือปืนยังคงจับตัวประกันไม่ทราบจำนวนอยู่ภายในตัวห้าง”
และเคนยัตตายังออกแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เรียกร้องให้ชาวเคนยามีขวัญและกำลังใจในการร่วมสู้การก่อการร้าย และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในยามที่บ้านเมืองตกอยู่ในเหตุการณ์เขย่าขวัญ โดยกล่าวว่า ประเทศเคนยาได้ผ่านการเอาชนะการก่อการร้ายมาแล้ว “ตามความจริงแล้ว พวกเราได้ร่วมสู้อย่างกล้าหาญและเอาชนะผู้ก่อการร้ายทั้งในและนอกประเทศ และในครั้งนี้ เราจะสามารถเอาชนะได้อีกครั้ง” เคนยัตตากล่าวผ่านแถลงการณ์
ในขณะที่ กลุ่มติดอาวุธก่อการร้ายโซมาเลีย “อัล-ชาบาบ” ได้ประกาศความรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยในทวิตเตอร์ของกลุ่มอัล-ชาบาบ ประกาศกร้าวจะไม่มีการเจรจากับเจ้าหน้าที่เคนยา “10 ชม.ผ่านไป และ “นักรบมูจาฮีดีน” ที่อยู่ข้างในห้างเวสต์เกทยังคงแข็งแกร่ง และยังคงสามารถคุมพื้นที่ได้ ด้วยพรจากพระอัลเลาะห์” โดยจากการรายงานล่าสุดจากอัล-จาซีราห์ พบว่า ตัวประกันนับสิบยังคงถูกจับกุมตัวภายในห้างอยู่
ด้านปฏิกิริยาจากต่างชาติต่อเหตุการณ์ครั้งนี้พบว่า รัฐบาลฝรั่งเศสยืนยันว่า พลเมืองของตน 2 รายเสียชีวิตในเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งนี้ โดยทางประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟร็องซัวส์ ออลล็องด์ ได้ถึงกับบริภาษว่า “เป็นการกระทำที่ขี้ขลาด” และมีรายงานพบว่า ชาวแคนาดา 2 คนเสียชีวิต รวมถึงนักการทูตของแคนาดา และสหรัฐฯยืนยันว่า ชาวอเมริกัน 4 คน ได้รับบาดเจ็บ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกโรงประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ “เราได้รับรายงานถึงพลเมืองอเมริกันได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์โจมตี และสถานทูตได้เข้าให้ช่วยเหลือต่อเหยื่อชาวอเมริกัน” มารี ฮาร์ฟ ให้สัมภาษณ์โดยไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติได้ประนามความรุนแรงครั้งนี้ขั้นสูงสุด แต่อย่างไรก็ตามได้เตือนรัฐบาลเคนยาให้ตอบโต้ภายในกรอบกฎหมายนานาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
