เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ให้สัมภาษณ์สื่ออเมริกันเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ โดยยืนยันว่าซีเรียเต็มใจทิ้งคลังอาวุธเคมี แต่อาจต้องใช้เวลาถึง 1 ปี และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอีกไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ผู้แทนสหประชาชาติก็กำลังถกร่างมติซึ่งจะทำให้แผนปลดอาวุธเคมีซีเรียมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
อัสซาด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ด้วยท่าทีมั่นใจ โดยยืนยันว่าประเทศของเขาไม่ได้เผชิญสงครามกลางเมือง แต่กำลังถูกคุกคามโดยกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และทหารของรัฐบาลก็ไม่ได้ใช้แก๊สพิษสังหารประชาชนในกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมตามที่ถูกกล่าวหา แต่ถึงกระนั้น ดามัสกัสก็พร้อมที่จะส่งมอบอาวุธเคมีให้นานาชาติตามข้อเสนอของรัสเซีย
ผู้นำซีเรียยอมเปิดใจผ่านสื่อสหรัฐฯ เป็นครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ และยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนตะวันตกหลายสำนักเข้าพบ เพื่อบรรเทาแรงกดดันทางการเมืองที่ซีเรียกำลังเผชิญอยู่ หลังจากเดือนที่แล้วมีพลเรือนถูกแก๊สพิษสังหารไปกว่า 1,400 คนที่ชานกรุงดามัสกัส และชาติตะวันตกก็เชื่อว่าเป็นฝีมือของทหารอัสซาด
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เคยขู่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารลงโทษซีเรีย แต่ในขณะที่สภาคองเกรสและชาติตะวันตกยังชั่งใจว่าจะเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางอีกครั้งหรือไม่ รัสเซียก็ได้เสนอแผนประนีประนอมทางการทูต ซึ่งซีเรียเองก็รีบคว้าโอกาสไว้ทันที
ทำเนียบขาวยอมที่จะระงับแผนโจมตีซีเรียเอาไว้ก่อนตามคำขอของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพื่อเปิดทางให้นานาชาติจัดทำแผนปลดอาวุธเคมี โดยความเต็มใจของรัฐบาลอัสซาดเอง
ประธานาธิบดี อัสซาด ยืนยันกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ตนพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่เพราะกลัวแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯ
“ผมคิดว่ามันเป็นงานที่ยุ่งยากพอสมควรในทางเทคนิค และต้องใช้เงินทองมหาศาล อาจจะประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ... เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับทุกฝ่าย คุณต้องไปถามผู้เชี่ยวชาญเอาเองว่า คำว่า “โดยเร็ว” นั้นหมายถึงเร็วแค่ไหน มันก็ต้องมีกรอบเวลา คงจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือนานกว่านั้นเล็กน้อย” อัสซาดระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดรัฐบาลซีเรียจึงใช้ทหารเข้าปราบปรามการชุมนุมของประชาชน จนนำมาสู่สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อนานกว่า 2 ปีครึ่ง อัสซาดก็ให้คำตอบว่า ซีเรียกำลังตกเป็นเหยื่อลัทธิก่อการร้าย
“สิ่งที่เราเผชิญอยู่ไม่ใช่สงครามกลางเมือง แต่เป็น “สงคราม” รูปแบบใหม่” ผู้นำซีเรียระบุ พร้อมชี้ว่า ในฝ่ายกบฏมีนักรบอิสลามิสต์จากกว่า 80 ชาติมาเข้าร่วมด้วย
“รัฐบาลทราบดีว่าขณะนี้มีนักรบญิฮาดอยู่ในประเทศนับหมื่นๆคน เพราะเราอยู่ในสนามรบจริง และเราอาศัยอยู่ในซีเรีย” อัสซาดกล่าว พร้อมปฏิเสธข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งประเมินว่า ในจำนวนกบฏ 100,000 คนจะมีมุสลิมหัวรุนแรงอยู่เพียงราวๆ 30,000 คน
“ผมบอกคุณได้เลยว่า... กลุ่มก่อการร้ายใต้ดินพวกนั้น ร้อยละ 80-90 เป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์”
ผู้นำซีเรียยอมรับว่า ช่วงแรกที่ชาวซีเรียออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลเมื่อต้นปี 2011 ยังไม่มีนักรบญิฮาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทว่าปลายปี 2012 เป็นต้นมา พวกอิสลามิสต์เริ่มหลั่งไหลเข้าไปในซีเรีย และกลายเป็นกองกำลังกลุ่มใหญ่ในฝ่ายกบฏ
เขากล่าวเสริมอีกว่า “พลเมืองซีเรียหลายหมื่นคน” และทหารฝ่ายรัฐบาลราว 15,000 นาย ถูกสังหารใน “ปฏิบัติการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย, การลอบสังหาร และระเบิดฆ่าตัวตาย”
ขณะที่ อัสซาด เปิดศึกชิงพื้นที่สื่อให้กับตนเอง สมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นก็ได้ร่วมหารือเพื่อให้ได้มาซึ่งมติสนับสนุนแผนปลดอาวุธเคมีที่รัสเซียและสหรัฐฯ เสนอ โดยคาดว่าจะสามารถโหวตร่างมติได้ภายในสุดสัปดาห์นี้ หากมอสโกไม่ขัดข้อง
ฝรั่งเศส, อังกฤษ และสหรัฐฯ ได้จัดทำร่างมติที่อ้างอิงบทบัญญัติที่ 7 ในกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งอนุญาตให้ใช้กำลังทหารในภารกิจฟื้นฟูสันติภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อให้แผนปลดอาวุธเคมีซีเรียมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ร่างมตินี้จะไม่ระบุชัดเจนถึงปฏิบัติการทางทหาร หรือมาตรการคว่ำบาตรใดๆ ต่อซีเรีย