เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รายงานชี้ ไนจีเรีย ชาติมหาอำนาจด้านพลังงานแห่งทวีปแอฟริกา มีอันต้องสูญเสียเงินรายได้เฉลี่ยปีละกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 155,200 ล้านบาท) จากเครือข่ายอาชญากรระหว่างประเทศที่ก่อเหตุขโมยน้ำมันไม่ต่ำกว่าวันละ 100,000 บาร์เรลจากท่อส่งน้ำมันไนจีเรีย จนส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันของประเทศ ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี หรือเหลือไม่ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยที่ไทยถูกระบุว่า “มีเอี่ยวด้วย”
รายงานซึ่งอ้างผลการศึกษาของสถาบันหลวงว่าด้วยกิจการระหว่างประเทศ หรือ “Chatham House” ในกรุงลอนดอน ชี้ว่า ปัญหาการขโมยน้ำมันจากไนจีเรีย เพื่อส่งขายในต่างประเทศกำลังจะกลายเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก มิใช่เป็นปัญหาของไนจีเรียเพียงประเทศเดียวอีกต่อไป หลังจากพบว่าการลักลอบขโมยน้ำมันในไนจีเรียเวลานี้ได้ขยายจากระดับครัวเรือนไปสู่ระดับอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ และมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไนจีเรียเกี่ยวข้องด้วย
รายงานของ Chatham House ระบุว่า การลักลอบขโมยน้ำมันจากไนจีเรียมีการดำเนินการเป็นขบวนการและมีความสลับซับซ้อน หลังจากมีข้อมูลว่า น้ำมันที่ถูกลักลอบขโมยออกจากไนจีเรียนั้นมีการนำออกไปโดยทางเรือเพื่อไปจำหน่ายในหลายประเทศ ทั้งไทย, อินโดนีเซีย, อินเดีย, จีน, สหรัฐฯ, บราซิล, อังกฤษ, นครดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สิงคโปร์, สวิตเซอร์แลนด์ และกลุ่มประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่านทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวยังระบุว่าด้วยว่า น้ำมันส่วนใหญ่ที่ถูกลักลอบนำออกมาจากไนจีเรียนั้น มักเป็นน้ำมันที่มาจากพื้นที่แถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ทางภาคใต้ของไนจีเรียซึ่งได้ชื่อว่ามีน้ำมันมหาศาล ขณะที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ก็ดูเหมือนแทบไม่ได้ดำเนินความพยายามใดๆ เลยเพื่อปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติที่อยู่เบื้องหลังการขโมยน้ำมันจากไนจีเรีย
