เอเอฟพี – ไนจีเรียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา ถูก “แก๊งขโมยน้ำมัน” ทำสูญเสียเม็ดเงินไปถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเวลาเพียง 1 เดือนของไตรมาสแรกปีนี้ ถ้อยแถลงจากที่ปรึกษาประธานาธิบดีไนจีเรียเมื่อวันอังคาร(13) ระบุ
คิงส์ลีย์ กูกู ที่ปรึกษาพิเศษฝ่ายทรัพยากรน้ำมันบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ของประธานาธิบดี กู๊ดลัค โจนาธาน แห่งไนจีเรีย แถลงว่า “การโจรกรรมน้ำมันสร้างความเสียหายแก่ไนจีเรียถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเวลา 1 เดือน ตามราคาน้ำมันโดยเฉลี่ย 121 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม”
สถิติทางการชี้ว่า การซื้อขายน้ำมันที่ถูกลักลอบขโมยออกไป ส่งผลให้มูลค่าการค้าน้ำมันของรัฐบาลไนจีเรียลดลง 17% ในไตรมาสแรกของปี หรือประมาณ 400,000 บาร์เรลต่อวัน
รายงานจากทบวงพลังงานโลก (IEA) เมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่า การขโมยน้ำมันจากท่อส่งของไนจีเรียนอกจากจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตน้ำมันจากองค์การประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (OPEC) ลดลงด้วย เนื่องจากไนจีเรียเป็นประเทศสมาชิก
หัวขโมยเหล่านี้ใช้วิธีเจาะท่อส่งน้ำมันดิบเพื่อดูดเอาน้ำมันไปขายต่อในตลาดมืด ซึ่งมักทำให้ท่อส่งน้ำมันระเบิด, เกิดเพลิงไหม้ หรือมีน้ำมันรั่วไหลเป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม
รายงานที่เผยแพร่เมื่อไม่นานนี้ชี้ว่า ปัญหาการขโมยน้ำมันทำให้ไนจีเรียซึ่งมีกำลังผลิตน้ำมันประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต้องสูญเสียรายได้ประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี
บริษัท เชลล์ ปิโตรเลียม ดีเวลลอปเมนท์ (SPDC) เพิ่งประกาศปิดซ่อมแซมท่อส่ง Nembe Creek Trunk ในรัฐบาเยลซาทางตอนใต้ของไนจีเรีย หลังถูกแก๊งขโมยน้ำมันเจาะจนเสียหาย โดยคาดว่าการปิดท่อส่งน้ำมันจะทำใหกำลังผลิตลดลงราวๆ 150,000 บาร์เรลต่อวัน
สำนักงานของ กูกู เตรียมจัดการประชุมว่าด้วยปัญหาการลักขโมยน้ำมันและโจรสลัดแถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ ที่เมืองลากอสในวันพรุ่งนี้(15)
อ่าวกินีซึ่งประกอบด้วยน่านน้ำของเบนิน, ไนจีเรีย และโตโก กำลังกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกโจรสลัด ซึ่งจะยกพวกปล้นเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อขโมยน้ำมันดิบ หรือไม่ก็จับลูกเรือต่างชาติเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่