เอเอฟพี - ญี่ปุ่นเตรียมทุ่มงบประมาณสาธารณะ 50,000 ล้านเยน (ราว 16,100 ล้านบาท) เพื่อคลี่คลายวิกฤตน้ำปนเปื้อนรังสีจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไดอิจิ หลังจากที่รัฐบาลโตเกียวรับปากจะยื่นมือเข้ามาจัดการปัญหาด้วยตัวเอง รายงานเผยวันนี้ (3)
เจ้าหน้าที่รัฐบาลเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ เตรียมเรียกประชุมทีมตอบสนองวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ เพื่อหารือแนวทางยับยั้งไม่ให้น้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีไหลออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกมากไปกว่านี้
แผนปฏิบัติการซึ่งจะใช้งบประมาณราว 50,000 ล้านเยน ยังรวมไปถึงการ “แช่แข็ง” (freeze) ดินรอบๆ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพื่อป้องกันมิให้น้ำใต้ดินไหลผ่านเข้าไปถึงได้ สำนักข่าวจิจิเพรสรายงาน
น้ำซึ่งมาจากเนินเขาใกล้ๆ ได้ไหลเข้าไปข้างใต้โรงไฟฟ้า และผสมกับน้ำปนเปื้อนรังสีที่ซึมออกจากบ่อกักเก็บอยู่แล้ว ส่งผลให้น้ำที่มีรังสีปนเปื้อนอย่างอ่อนๆไหลออกสู่ทะเล
จิจิเพรสและสำนักข่าวอื่นๆในญี่ปุ่น ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์มีแผนสร้างกำแพงน้ำแข็ง (frozen wall) โดยจะติดตั้งท่อนำสารทำความเย็นไว้รอบๆ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำใต้ดินไหลเข้าไปถึงได้ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นก็จะสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบกำจัดรังสีที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ
ทั้งนี้ งบประมาณราว 21,000 ล้านเยน (ราว 6,770 ล้านบาท) จะดึงมาจากเงินกองทุนฉุกเฉินสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือยังไม่มีการระบุว่าจะเอามาจากที่ใด
ระหว่างการประชุม ส.ส.พรรคแอลดีพีเมื่อวานนี้ (2) อาเบะชี้ว่า “ประเทศชาติของเราจะยืนหยัดเป็นแนวหน้าและใช้ทุกมาตรการที่จำเป็น โดยไม่ปล่อยให้น้ำปนเปื้อนรังสีเป็นแค่ปัญหาของเท็ปโกเท่านั้น”
บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค (เท็ปโก) พยายามดิ้นรนเพื่อกันไม่ให้น้ำที่ใช้หล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แพร่ออกสู่สิ่งแวดล้อม หลังเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2011 ที่ทำให้เตาปฏิกรณ์ภายในโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะไดอิจิหลอมละลาย
สำนักงานกำกับนิวเคลียร์ญี่ปุ่นแถลงวานนี้ (2) ว่า ท้ายที่สุดแล้วน้ำปนเปื้อนรังสีบางส่วนคงจะต้องปล่อยออกสู่ทะเล เพราะไม่สามารถเก็บไว้ในแท็งก์ชั่วคราวของโรงไฟฟ้าได้ตลอดกาล ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านและชาวประมงท้องถิ่นต่างแสดงความหวั่นวิตกว่ารังสีจากโรงไฟฟ้าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของอาหารทะเล
