รอยเตอร์/เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - อเมริกาสั่งเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือของเรือบรรทุกเครื่องบินขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์ “ยูเอสเอส นิมิตซ์” พร้อมเรือรบลำอื่นๆ ในหมู่เรือ ให้มุ่งหน้าไปยังทะเลแดงเพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีซีเรีย ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีข่าวว่า รัสเซียส่งเรือ “สปาย” ไปเก็บข้อมูลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก
เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ผู้หนึ่งเปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ (1) ว่า หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีนิมิตซ์ ซึ่งนอกจากเรือบรรทุกเครื่องบินระวางขับน้ำ 100,000 ตันลำนี้แล้ว ยังประกอบด้วยเรือพิฆาต 4 ลำและเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี 1 ลำ ไม่ได้รับคำสั่งพิเศษใดๆ เพื่อให้เคลื่อนย้ายไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออกในขณะนี้ แต่กำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเข้าสู่ทะเลอาระเบีย เพื่อให้สามารถเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียโดยเร็วที่สุดเมื่อได้รับคำสั่ง
“มันเป็นเรื่องของการยกระดับทรัพย์สินที่เรามีอยู่ เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้สมรรถนะของหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีและการปรากฏตัวของหมู่เรือนี้” เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอก
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ รายที่ 2 กล่าวว่า “เราพยายามที่จะลดระยะเวลาและระยะทางเพื่อที่เราจะได้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมมากที่สุด ถ้าหากเราจะเกิดเป็นที่ต้องการขึ้นมา” เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ รายที่ส 2 กล่าว พร้อมกับเตือนว่าในเวลานี้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าเรือเหล่านี้จะเข้าไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหรือไม่
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31 ส.ค.) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ชะลอแผนการโจมตี “สั่งสอน” รัฐบาลซีเรีย จนกว่ารัฐสภาจะลงมติรับรองการดำเนินการนี้ ซึ่งเท่ากับว่าปฏิบัติการโจมตีซีเรียโทษฐานใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนจะล่าช้าออกไปอย่างน้อยอีก 9 วัน เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า สหรัฐฯ จะเลือกใช้การปฏิบัติการด้วยการระดมยิงจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” จากเรือพิฆาต 5 ลำ ซึ่งเวลานี้อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก บริเวณนอกชายฝรั่งซีเรียแล้ว
สำหรับพวกนักวางแผนการทางทหารแล้ว การเลื่อนปฏิบัติการเช่นนี้ ทำให้พวกเขามีเวลามากขึ้นในการทบทวนว่า จะคงเรือและอาวุธอื่นใดไว้ในภูมิภาคดังกล่าว และโยกย้ายเรือหรืออาวุธใดออก ก่อนที่จะเริ่มการโจมตีในซีเรียซึ่งโอบามาระบุว่าจะจำกัดทั้งระยะเวลาและเป้าหมาย
สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเรือสหรัฐฯ เพิ่มกำลังในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออกเกือบเท่าตัว โดยเพิ่มเรือพิฆาตอีก 2 ลำจากจำนวน 3 ลำที่มีอยู่
เรือพิฆาตทั้ง 5 ลำนี้ ซึ่งได้แก่ ยูเอสเอส สเตาท์, มาฮัน, รามาจ, แบร์รี และเกรเวลีย์ รวมกันแล้ว ประมาณการกันว่าจะมีจรวดร่อนโทมาฮอว์กอยู่ทั้งสิ้นราว 200 ลูก ถึงแม้พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่าการโจมตีซีเรียแบบจำกัดจะใช้จรวดเพียง 100 ลูกก็น่าจะเพียงพอ
ก่อนหน้านี้หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีนิมิตซ์ ประจำอยู่ในมหาสมุทรอินเดียเพื่อให้การสนับสนุนปฏิบัติการของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน แต่มีกำหนดจะแล่นไปทางตะวันออกอ้อมรอบเอเชีย เพื่อเดินทางกลับฐานที่ตั้งในเมืองเอเวอเรตต์ มลรัฐวอชิงตัน ภายหลังจากมีเรือบรรทุกเครื่องบินอีกลำหนึ่ง นั่นคือ ยูเอสเอส แฮร์รี เอส ทรูแมน เข้ามารับช่วงภารกิจเมื่อไม่กี่วันก่อน
แต่จากสถานการณ์ในซีเรีย ทำให้พวกเจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางของนิมิตซ์ และให้เดินทางไปทางตะวันตกมุ่งหน้าสู่ทะเลแดงแทน โดยจุดหมายต่อไปอาจเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
นอกจากนี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ ยังส่งเรือยูเอสเอส ซานแอนโตนิโอ ซึ่งเป็นเรือสะเทินน้ำสะเทินบกบรรทุกนาวิกโยธิน 300 คนและอุปกรณ์สื่อสารระยะไกล ไปร่วมกับกลุ่มเรือพิฆาต 5 ลำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ทหารรายที่ 2 เผยกับรอยเตอร์ว่า ซานแอนโตนิโอจะทำหน้าที่เป็นฐานส่วนหน้าลอยน้ำ รวมทั้งเป็นฐานชั่วคราวให้แก่กองทหารปฏิบัติการพิเศษหากจำเป็นต้องใช้ทหารเหล่านั้น ตลอดจนคอยให้ความช่วยเหลือในการอพยพพลเรือน
อย่างไรก็ดี โฆษกของเรือลำนี้รวมถึงโฆษกศูนย์บัญชาการในยุโรปของกองทัพเรือสหรัฐฯ ต่างปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดแผนการเคลื่อนย้ายซานแอนโตนิโอ
เจ้าหน้าที่อเมริกันหลายรายยังเผยว่า เรือสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกแบบดาดฟ้ากว้าง ยูเอสเอส เคียร์ซาร์จ ก็ได้ถูกเรียกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปร่วมกลุ่มกับเรือซานโตนิโอ โดยขณะนี้กำลังมุ่งหน้าสู่ทะเลแดงเช่นเดียวกัน
เรือเคียร์ซาร์จที่บรรทุกเครื่องบินขับไล่ขึ้น-ลงทางดิ่ง เอวี แฮร์ริเออร์ 6 ลำ เครื่องบินลูกผสมเฮลิคอปเตอร์ วี-22 ออสเปรย์ 10-12 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีกหลายลำ เคยมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการโจมตีที่ลิเบีย โดย วี-22 ออสเปรย์ 2 ลำ เคยช่วยเหลือนักบินเอฟ-5 ที่ถูกสอยร่วงในระหว่างปฏิบัติการดังกล่าว
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานเมื่อวันจันทร์ (2 ก.ย.) ว่า รัสเซียกำลังส่งเรือสอดแนม “ปรีอาซอฟเยีย” จากท่าเรือในทะเลดำของยูเครน ไปทางด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อรวบรวมข้อมูลปัจจุบันในบริเวณที่ความขัดแย้งคุกรุ่น ถึงแม้ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้ออกมายืนยันข่าวนี้แต่อย่างใด
อินเทอร์แฟกซ์แจงว่า เรือสอดแนมดังกล่าวจะปฏิบัติภารกิจแยกต่างหากจากกองเรือของรัสเซียที่ประจำอยู่ถาวรในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศ