รอยเตอร์/เอพี - อิสราเอลทดสอบระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯในบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อวันอังคาร (3 ก.ย.) โดยไม่ได้มีการประกาศเตือนล่วงหน้า ครั้นระบบเรดาร์ของรัสเซียตรวจพบก็ทำให้สื่อมวลชนเสนอข่าวอย่างตื่นเต้นว่ามีการยิง “วัตถุ” นำวิถี จนสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ซึ่งหวั่นวิตกอยู่แล้วเรื่องสหรัฐฯกำลังจะเข้าโจมตีซีเรีย
การยิงขีปนาวุธทดสอบของอิสราเอลซึ่งกระทำในเวลา 9.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 13.15 น.เวลาเมืองไทย) ได้รับการรายงานข่าวครั้งแรกโดยสื่อมวลชนรัสเซียที่อ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กลาโหมแดนหมีขาวซึ่งกล่าวว่า มีวัตถุนำวิถี 2 ลูกถูกยิงออกมาจากบริเวณตอนกลางของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และบ่ายหน้าไปทางด้านตะวันออก ซึ่งก็พอพูดได้อย่างคร่าวๆ ว่าเป็นทิศทางที่ตั้งของซีเรีย
ข่าวดังกล่าวนี้สร้างความปั่นป่วนให้แก่ตลาดการเงิน จวบจนกระทั่งกระทรวงกลาโหมอิสราเอลออกมาแถลงว่า ตนเองพร้อมด้วยทีมงานกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ดำเนินการทดสอบยิงขีปนาวุธ “สแปร์โรว์”
ทั้งนี้ สแปร์โรว์ เป็นขีปนาวุธนำวิถีพิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงได้ทั้งจากภาคพื้นดินและจากทางอากาศ เพื่อทำลายเป้าหมายที่อยู่กลางอากาศ โดยที่ในการทดสอบคราวนี้ มันถูกใช้ให้เป็นเสมือนขีปนาวุธพิสัยไกลของซีเรียและอิหร่าน เพื่อเป็นเป้าสำหรับการฝึกยิงของระบบต่อต้านขีปนาวุธ นำวิถี “แอร์โรว์” ของอิสราเอล ที่พัฒนาขึ้นด้วยการหนุนหลังของสหรัฐฯ
กระทรวงกลาโหมอิสราเอลคุยว่า ระบบ “แอร์โรว์” ประสบความสำเร็จในการดักจับและติดตามเป้าหมาย แต่ไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามีการยิงขีปนาวุธสแปร์โรว์ให้ตกลงมาหรือไม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯผู้หนึ่งกล่าวที่กรุงวอชิงตันว่า อิสราเอลทดสอบยิงขีปนาวุธหรือปล่อยอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) จากชายฝั่งของตนอยู่เป็นประจำ เพื่อทดสอบสมรรถนะการป้องกันอาวุธนำวิถีของตน
เวลานี้กองเรือรบของพวกชาติตะวันตก โดยเฉพาะของสหรัฐฯ กำลังไปชุมนุมกันอยู่เป็นจำนวนมากในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลแดง นับแต่ที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ถูกกล่าวหาว่าใช้แก๊สพิษโจมตีพื้นที่ยึดครองของพวกกบฎที่บริเวณชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 1,400 คน
ดามัสกัสนั้นปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้อาวุธเคมี ทว่ารัฐบาลของชาติตะวันตกไม่เชื่อ และเป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯจะออกคำสั่งให้ทำการโจมตีลงโทษซีเรียในสัปดาห์ที่แล้ว ทว่าในที่สุดแล้วเขากลับประกาศเลื่อนออกไปก่อน โดยจะรอให้รัฐสภาอเมริกันพิจารณาอนุมัติเสียก่อน
ในขณะที่ปฏิบัติการของสหรัฐฯต่อซีเรียจะต้องชะลอไปก่อนนั้นเอง นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ก็ดูจะพยายามหาหนทางแสดงให้เห็นว่ารัฐยิวแห่งนี้มีความสามารถที่จะรับมือกับศัตรูได้ด้วยตนเองโดยลำพัง ในวันอังคาร (3 ก.ย.) เขาออกมาบอกว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธที่อิสราเอลมีอยู่นั้น คือ “กำแพงเหล็ก” ของประเทศชาติ
ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหม โมเช ยาลอน ของอิสราเอล พยายามลดทอนน้ำหนักในคำถามของพวกผู้สื่อข่าวที่ถามว่า การทดสอบยิงจรวดสแปร์โรว์คราวนี้ กระทำในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมใช่หรือไม่ โดยเขาตอบว่าอิสราเอลมีภารกิจที่จะต้องรักษาความได้เปรียบทางการทหารเอาไว้ให้ได้ และการรักษาความได้เปรียบดังกล่าวนี้จะได้มาก็ต้องมีการทดสอบในภาคสนาม
ขณะที่ อูซี ราบิน ผู้ออกแบบระบบแอร์โรว์ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การทดสอบระบบป้องกันขีปนาวุธคราวนี้มีการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าตั้งนานแล้ว และโดยทั่วไปการทดสอบของอิสราเอลจะไม่มีการประกาศข่าว “สิ่งที่ดูจะทำให้วันนี้แตกต่างออกไปจากคราวก่อนๆ ก็คือภาวะความตึงเครียดอันสูงยิ่งในเรื่องซีเรีย และการที่รัสเซียมีความระแวดระวังตัวอย่างมากกว่าปกติ”
ก่อนหน้านี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมผู้หนึ่งของแดนหมีขาวบอกกับเหล่าสำนักข่าวของรัสเซียว่า สามารถตรวจจับการยิงวัตถุนำวิถีดังกล่าวเมื่อเวลา 10.16 น.ตามเวลามอสโก (ตรงกับ 13.16 น. เวลาเมืองไทย) โดยระบบเรดาร์รัสเซียที่ตรวจจับพบ คือ สถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าที่เมืองอาร์มาวีร์ ใกล้ๆ กับทะเลดำ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับขีปนาวุธจากยุโรปและอิหร่าน
“เส้นทางโคจรของวัตถุเหล่านี้ มาจากบริเวณตอนกลางของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเคลื่อนไปสู่บริเวณด้านตะวันออกของชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน” สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัสเซียอีกแห่งหนึ่งรายงานโดยอ้างโฆษกกระทรวงกลาโหมรายนี้
โฆษกผู้นี้ไม่ได้ระบุว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิงวัตถุนำวิถีเหล่านี้ และก็ไม่ได้ระบุเช่นกันว่าระบบเรดาร์ของรัสเซียมีการตรวจสอบพบว่ามีการพุ่งกระทบเป้าหมายใดๆ หรือไม่ ทว่าในเวลาต่อมาสำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียได้อ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งอยู่ใน “โครงสร้างรัฐ” ของซีเรียซึ่งกล่าวว่า วัตถุทั้ง 2 ลูกดังกล่าวได้ตกลงไปในทะเลโดยไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ
สื่อของรัสเซียบอกอีกว่า รัฐมนตรีกลาโหม เซียร์เกย์ ชอยกู ได้รายงานเหตุการณ์ยิงวัตถุนำวิถีนี้ให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ทราบแล้ว
ทั้งนี้ในเวลานี้ สหรัฐฯมีเรือพิฆาต 5 ลำ และเรือรบสะเทินน้ำสะเทินบกอีก 1 ลำแล่นอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยคาดหมายกันว่าอาจถูกใช้ให้เป็นผู้ยิงจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” ซึ่งมิใช่ขีปนาวุธนำวิถี เข้าเล่นงานซีเรีย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุด้วยว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน “นิมิตซ์” ของตน พร้อมด้วยเรือรบในหมู่เรือเดียวกันอีก 4 ลำ ได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทางโดยหันหัวเรือมุ่งสู่ทะเลแดงตั้งแต่วันจันทร์ (2 ก.ย.)