เอพี/เอเจนซีส์ - ข่าวกรองที่สหรัฐฯมีอยู่ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างมั่นอกมั่นใจว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย หรือกลุ่มคนสนิทวงในของเขานั้น มีความเกี่ยวข้องพัวพันอย่างชัดเจนกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่ทำให้มีผู้ถูกสังหารไปนับร้อยคนเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว พวกเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองของสหรัฐฯระบุ พร้อมกับเปิดเผยด้วยว่าจนถึงเวลานี้ยังคงมีคำถามว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ควบคุมอาวุธเคมีบางส่วนซึ่งซีเรียเก็บสะสมไว้ ตลอดจนอัสซาดเป็นผู้สั่งการโจมตีคราวนี้หรือเปล่า
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา นั้นประกาศในวันพุธ(28ส.ค.) ว่า รัฐบาลซีเรียคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมคราวนี้ ในขณะที่เขากำลังแผ้วถางทางสะดวกสำหรับการที่ฝ่ายอเมริกันจะ “สั่งสอน” ด้วยการเข้าโจมตีทางทหาร
“เราได้ข้อสรุปแล้วว่าแท้ที่จริงรัฐบาลซีเรียนนั่นแหละที่เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้” โอบามากล่าวในการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์พีบีเอสของอเมริกา “และถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็มีความจำเป็นที่นานาชาติจะต้องดำเนินการตอบโต้”
อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายใช้วลีว่า “มันยังไม่ใช่สแลมดั๊งก์หรอก” ในการกล่าวถึงข่าวกรองของอเมริกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ วลีดังกล่าวคือการย้อนรอยคำพูดของ จอร์จ เทเน็ต ผู้อำนวยการซีไอเอในเวลานั้น ซึ่งได้ออกมายืนกรานในปี 2002 ว่า ข่าวกรองของสหรัฐฯซึ่งแสดงให้เห็นว่าอิรักครอบครองอานุภาพทำล้ายร้ายแรงนั้น เป็นเรื่องแน่นอนชัดเจนระดับ “สแลมดั๊งก์” แล้วต่อมาข้อเท็จจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่าข่าวกรองของสหรัฐฯในเรื่องนี้ผิดพลาด
ทั้งนี้ สแลมดั๊งก์ เป็นศัพท์ในวงการบาสเกตบอล ซึ่งหมายถึงการกระโดดเอาลูกบอลยัดลงห่วงอย่างชนิดมั่นใจได้ว่าต้องได้คะแนนอย่างแน่นอน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายรวมทั้งเหล่าผู้ช่วยสมาชิกรัฐสภาอเมริกันเปิดเผยว่า สำนักงานผู้อำนวยการฝ่ายข่าวกรองแห่งชาติ กำลังจัดทำรายงานประเมินข่าวกรองฉบับหนึ่ง ซึ่งวาดภาพให้เห็นว่า แทบจะเป็นเรื่องแน่นอนทีเดียวที่กองกำลังของอัสซาดคือผู้รับผิดชอบการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในวันที่ 21 สิงหาคม ขณะเดียวกับที่สรุปถึงสิ่งที่ยังเป็นช่องโหว่ต่างๆ ในภาพที่รวบรวมสร้างขึ้นได้จากข่าวกรองของสหรัฐฯ ทั้งนี้คณะรัฐบาลโอบามากำลังจะนำเอาข้อมูลเหล่านี้ไปสรุปให้พวกคณะกรรมาธิการของรัฐสภาชุดที่เกี่ยวข้องได้รับทราบในเย็นวันพฤหัสบดี (29)
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯรายหนึ่งผู้ซึ่งได้อ่านรายงานประเมินข่าวกรองฉบับดังกล่าว บอกกับเอพีในวันพฤหัสบดีว่า ถึงแม้มีคำเตือนให้พิจารณาด้วยความระมัดระวังอยู่ในหลายๆ จุด แต่รายงานก็ประเมิน “ด้วยความมั่นใจอย่างสูง” ว่า ระบอบปกครองอัสซาดเป็นผู้รับผิดชอบต่อการยิงจรวดหลายลูกในวันที่ 21 สิงหาคมซึ่งตกใส่พื้นที่ชานเมืองด้านตะวันออกและด้านใต้ของกรุงดามัสกัสที่ทางฝ่ายกบฎซีเรียยึดครองอยู่ โดยที่จรวดเหล่านี้บรรจุไว้ด้วยอาวุธเคมี
อย่างไรก็ดี ในอีกด้านหนึ่ง ภาพอันซับซ้อนจากการประเมินข่าวกรองที่สหรัฐฯได้รับมาเช่นนี้ กำลังก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับวิธีที่ทำเนียบขาวเตรียมจะใช้เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีคราวนี้ ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันหลายรายได้กล่าวในวันพุธว่า ไม่ว่าจะมีมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมาหรือไม่ ตลอดจนไม่ว่าจะมีประเทศพันธมิตรเอาด้วยมากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่สหรัฐฯจะเดินหน้าโจมตีตามแผนการของตนต่อไปอย่างแน่นอน
พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯบอกว่า พวกเขาไม่สามารถชี้ลงไปให้ชัดเจนแน่นอนว่าซัปพลายอาวุธเคมีของอัสซาดนั้นเก็บเอาไว้ที่ไหนบ้าง แถมยังมีความเป็นไปได้ที่อัสซาดจะเคลื่อนย้ายซัปพลายเหล่านี้ไปที่อื่นแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อไม่มีความแน่นอนเช่นนี้จึงหมายความว่าการโจมตีของสหรัฐฯซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นระดมการยิงจรวดร่อนเป็นชุดใหญ่ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะทำให้โครงสร้างทางทหารของอัสซาดมีอันพิกลพิการไปนั้น เอาเข้าจริงแล้วจรวดร่อนเหล่านี้อาจจะไปตกใส่ซัปพลายอาวุธเคมีที่เพิ่งถูกเปลี่ยนที่ซ่อน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นการโจมตีของสหรัฐฯก็จะไม่ต่างอะไรกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีซึ่งจะมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่อาวุโสทางด้านข่าวกรองของสหรัฐฯรายหนึ่ง ตลอดจนเจ้าหน้าที่สหรัฐฯอื่นๆ อีก 3 ราย ซึ่งได้รับฟังการบรรยายสรุปด้านข่าวกรองที่มีการรายงานต่อทำเนียบขาว เปิดเผยว่า จากการที่แนวรบในซีเรียมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดในสงครามกลางเมืองซึ่งดำเนินมา 2 ปีครึ่งแล้ว บวกกับข่าวกรองที่ออกมาจากซีเรียก็ไม่ค่อยมีความชัดเจน ทำให้ในช่วงเวลา 6 เดือนหลังมานี้ พวกสายลับทั้งของสหรัฐฯและของพันธมิตรอื่นๆ อยู่ในภาวะหลงทางไม่สามารถระบุได้ว่า บางส่วนของซัปพลายอาวุธเคมีของซีเรียนั้น ใครกันแน่เป็นผู้ควบคุมอยู่
ภาพถ่ายดาวเทียมของสหรัฐฯ สามารถจับภาพทหารซีเรียขับรถบรรทุกเข้าไปในบริเวณซึ่งเคยทราบกันว่าเป็นพื้นที่เก็บอาวุธเคมี จากนั้นก็ได้เคลื่อนย้ายวัสดุบางอย่างออกไป ทว่าพวกนักวิเคราะห์อเมริกันไม่สามารถติดตามระบุได้อย่างแน่นอนว่าสิ่งที่ถูกขนย้ายออกไปนั้นคืออะไร และในบางกรณี กระทั่งไม่สามารถบอกได้ด้วยว่ามันถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บไว้ที่ใหม่ที่ไหน
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายยอมรับว่า หลักฐานชิ้นสำคัญที่เป็นการดักฟังเสียงการติดต่อสื่อสารของพวกนายทหารซีเรียซึ่งกำลังพูดกันเรื่องการโจมตีด้วยอาวุธเคมีนั้น เอาเข้าจริงแล้วก็เป็นการติดต่อสื่อสารกันของพวกนายทหารระดับล่าง โดยที่ไม่มีหลักฐานโดยตรงใดๆ ที่สามารถสาวย้อนผูกโยงการโจมตีเข้านี้เข้ากับพวกบุคคลวงในของอัสซาด หรือแม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาทหารระดับสูงของซีเรียแม้สักรายเดียว
ดังนั้น ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี แถลงเมื่อวันจันทร์ (26ส.ค.)ว่า ความเชื่อมโยงระหว่างการโจมตีที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลอัสซาดนั้นมีความหนักแน่นอย่างชนิด “ปฏิเสธไม่ได้” แต่พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯเวลานี้กลับไม่ได้มีความมั่นอกมั่นใจว่าการโจมตีที่สงสัยกันว่าเป็นการใช้อาวุธเคมีคราวนี้ กระทำไปตามคำสั่งของอัสซาด ตลอดจนไม่มีความมั่นอกมั่นใจอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มว่า เป็นการกระทำของกองกำลังฝ่ายรัฐบาล พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้กล่าวต่อ
ข้อกังขาที่ทำให้เกิดการเรียกร้องให้หาข่าวกรองเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเหตุผลความชอบธรรมของทำเนียบขาวในการโจมตีโครงสร้างทางทหารของซีเรียนี่เอง คือสาเหตุที่ทำให้มีการชะลอการเผยแพร่รายงานประเมินข่าวกรองของวงการข่าวกรองสหรัฐฯ หลังจากที่เคยคาดหมายกันว่าจะมีการนำเสนอกันได้เมื่อวันอังคาร (27ส.ค.)ที่ผ่านมา
ทั้งซีไอเอ, กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ, และสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ ต่างไม่ยอมพูดอะไร เมื่อสำนักข่าวเอพีขอให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวของตนชิ้นนี้ ทางด้านทำเนียบขาวก็มีท่าทีอย่างเดียวกัน