เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ยืนยันในวันอาทิตย์ (1ก.ย.)ว่า ประเทศของเขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับการแทรกแซงจากต่างชาติ ขณะที่สื่อมวลชนดามัสกัสเยาะการตัดสินใจของผู้นำทำเนียบขาวในการขอให้รัฐสภาอนุมัติการโจมตีเป็น "จุดเริ่มต้นของการล่าถอยครั้งประวัติศาสตร์ของอเมริกา” รวมถึงบ่งชี้ว่า โอบามาตระหนักถึงความพ่ายแพ้ และกังวลว่า การแทรกแซงที่จำกัดขอบเขตอาจลุกลามกลายเป็นสงครามเปิด ทางด้านกบฏซีเรียแสดงความผิดหวังโอบามาเลื่อนปฏิบัติการสั่งสอนอัสซาด แต่ยังมั่นใจรัฐสภาสหรัฐฯ จะอนุมัติปฏิบัติการทางทหาร
สำนักข่าวซานาของทางการซีเรีย รายงานคำกล่าวของอัสซาดในวันอาทิตย์ซึ่งระบุว่า “ซีเรีย ... มีความสามารถที่จะเผชิญหน้าการก้าวร้าวรุกรานจากภายนอกใดๆ ก็ตามที เช่นเดียวกับที่กำลังเผชิญกับการก้าวร้าวรุกรานจากภายในอยู่ทุกวี่ทุกวันอยู่แล้ว ในรูปของกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ตลอดจนพวกที่คอยให้ความสนับสนุนกลุ่มเหล่านี้”
เขาบอกด้วยว่า ในการเผชิญหน้าดังกล่าวนี้ ซีเรียยังคงได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ขาดสาย
ข่าวคำแถลงของอัสซาดคราวนี้ ถือเป็นการแสดงความเห็นครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ที่ โอบามา ได้วางเดิมพันแบบวัดดวงทางการเมืองครั้งมโหฬาร จากการออกมาพูดในวันเสาร์(31 ก.ย.) ว่าจะขอให้รัฐสภาสหรัฐฯพิจารณาอนุมัติการปฏิบัติการทางทหารต่อดามัสกัส
ทั้งนี้ โอบามาแถลงจากบริเวณสวนโรส การ์เดน ของทำเนียบขาวว่า จะขอให้รัฐสภาอนุมัติปฏิบัติการทางทหารเพื่อ “ยับยั้ง ขัดขวาง ป้องกัน และบ่อนทำลาย” ความสามารถของรัฐบาลซีเรียในการใช้อาวุธเคมีโจมตีในอนาคต หลังจากที่ใช้ก๊าซพิษโจมตีเมื่อวันที่ 21 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,429 คน ซึ่งรวมถึงเด็กอย่างน้อย 426 คน
ท่าทีเช่นนี้ของเขา สร้างความประหลาดใจไปทั่ว เพราะเท่ากับเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมปฏิบัติของสหรัฐฯในรอบหลายทศวรรษ ที่ประมุขฝ่ายบริหารจะต้องพยายามรักษาอำนาจการตัดสินใจทางด้านนโยบายการต่างประเทศเอาไว้ในมือตนเอง แต่ด้วยการวางเดิมพันที่จะขอความสนับสนุนจากรัฐสภาเสียก่อนเช่นนี้ โอบามาก็กำลังทำให้ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติบังเกิดความสมดุลกันในรูปแบบใหม่ขึ้นมา
การตัดสินใจนี้ยังมีผลให้ปฏิบัติการสั่งสอนรัฐบาลซีเรียถูกชะลอออกไปอย่างน้อยจนถึงวันที่ 9 เดือนนี้ที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ จะกลับจากวันหยุดฤดูร้อนและเปิดประชุมอีกครั้ง
กระนั้น โอบามายืนยันว่า ตนเองยังสงวนสิทธิ์อนุมัติการโจมตีซีเรียไม่ว่ารัฐสภาจะมีมติอย่างไรก็ตาม ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า การตัดสินใจนี้จะทำให้ประธานาธิบดีมีเวลาระดมการสนับสนุนจากนานาชาติ โดยเฉพาะในระหว่างการประชุมสุดยอดจี20 ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซียในสัปดาห์นี้ ขณะที่ทำเนียบขาวพยายามทาบทามขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอเมริกัน
อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุผลหนึ่งสำหรับการตัดสินใจล่าสุดคือ โอบามาต้องการให้รัฐสภาร่วมรับผิดชอบหากปฏิบัติการโจมตีส่งผลเลวร้ายต่อวอชิงตัน
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันว่า โอบามาอาจเผชิญชะตากรรมเดียวกับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ที่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (29ส.ค.)ถูกรัฐสภาคว่ำมติขอการสนับสนุนสำหรับปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย ทั้งนี้ เนื่องจากแม้พรรคเดโมแครตของโอบามาครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา แต่สภาผู้แทนราษฎรกลับอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรครีพับลิกัน และทั้งสองพรรคมีความเห็นแตกแยกในประเด็นวิกฤตซีเรีย ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ผลการลงมติได้
กระนั้น ขณะนี้สหรัฐฯ ส่งเรือรบอย่างน้อย 5 ลำติดตั้งจรวดร่อนโทมาฮอว์กไปประจำการทางด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเตรียมพร้อมโจมตีเป้าหมายเฉพาะในซีเรียแล้ว
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ยังรายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ได้เพิ่มการตรวจตราชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในอเมริกา เพื่อป้องกันการโจมตี รวมทั้งมีการออกคำเตือนว่า ซีเรียอาจตอบโต้ด้วยการโจมตีทางไซเบอร์
ขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสประกาศความพร้อมเคียงข้างอเมริกาในการโจมตีซีเรีย
ด้านซีเรีย นอกจากการแถลงล่าสุดของอัสซาดแล้ว ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีวาเอล อัล-ฮัลกิประกาศว่า พร้อมรับการโจมตีจากตะวันตก ขณะที่โมฮัมหมัด อาลี จาฟารี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน ขานรับว่า ปฏิบัติการของตะวันตกจะส่งผลลุกลามล้ำเกินจากพรมแดนซีเรีย
ส่วนรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ไฟซาล มุกดัด ของซีเรีย เร่งเร้าสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯแสดง “สติปัญญา” ออกมาให้เห็นในการลงคะแนนเสียงของพวกเขา ขณะเดียวกันก็ตราหน้าโอบามาว่า เป็นคนที่ “ลังเล, ทำให้ใครๆ รู้สึกผิดหวังและสับสน”
พร้อมกันนี้หนังสือพิม์อัล-ทอราที่เป็นปากเสียงให้แก่รัฐบาลซีเรีย ยังตีพิมพ์บทความในหน้าหนึ่งฉบับวันอาทิตย์ (1) วิจารณ์ว่า การตัดสินใจของโอบามาในการขอให้รัฐสภาอนุมัติแผนการโจมตีซีเรียเป็น "จุดเริ่มต้นของการล่าถอยครั้งประวัติศาสตร์ของอเมริกา” รวมถึงบ่งชี้ว่า โอบามาตระหนักถึงความพ่ายแพ้และการไม่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร และกังวลว่า การแทรกแซงที่จำกัดขอบเขตอาจลุกลามกลายเป็นสงครามเปิด
ทางด้านแนวร่วมแห่งชาติซีเรีย ซึ่งเป็นองค์การสำคัญของพวกกบฏซีเรีย ได้ออกมาแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของโอบามา กระนั้น ซามีร์ นาชาร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแนวร่วมแห่งชาติซีเรียเชื่อมั่นว่า ที่ประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มอาหรับที่ไคโรในวันอาทิตย์จะให้การสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่
ก่อนที่โอบามาจะเปิดเผยการตัดสินใจล่าสุดไม่นาน ทีมตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เดินทางออกจากซีเรียหลังจากใช้เวลา 4 วันรวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาการใช้อาวุธเคมีโจมตีชานเมืองดามัสกัส และเปิดเผยว่า อาจใช้เวลาวิเคราะห์ตัวอย่างนาน 3 สัปดาห์
โฆษกยูเอ็นยืนยันว่า จะจัดทำรายงานอย่างเป็นธรรม ทว่า วอชิงตันและพันธมิตรยืนกรานว่า รู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว
คณะรัฐบาลของโอบามาระบุว่า มีข่าวกรองที่เชื่อถือได้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นผู้ใช้อาวุธเคมี
โดยที่ในวันอาทิตย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี กล่าวย้ำว่า สหรัฐฯมีหลักฐานข้อพิสูจน์ว่าระบอบปกครองอัสซาด ได้ใช้ก๊าซซาริน อันเป็นอาวุธเคมีร้ายแรง โจมตีบริเวณชานกรุงดามัสกัสที่อยู่ในความยึดครองของฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม
เคร์รีไปพูดในรายการทอล์กโชว์เช้าวันอาทิตย์ของเครือข่ายโทรทัศน์เอ็นบีซี และโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น ว่า ผลการตรวจตัวอย่างผมและเลือดที่สหรัฐฯได้รับจากพวกเจ้าหน้าที่ทำงานฉุกเฉินซึ่งอยู่ในสถานที่เกิดการโจมตีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมนั้น มีสัญญาณชี้ให้เห็นว่ามีการใช้ก๊าซซารีน ที่เป็นก๊าซทำลายประสาทอานุภาพรุนแรง
