เอเอฟพี - ซีเรียเมื่อวันอังคาร (27) ประกาศปกป้องตนเองอย่างเต็มกำลังและโชว์แสนยานุภาพที่แท้จริงให้โลกได้เห็น หลังสหรัฐฯ และชาติกำลังพันธมิตรขยับเข้าใกล้ใช้มาตรการโจมตีต่อรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งถูกกล่าวหาใช้อาวุธเคมีสังหารผู้คน สอดคล้องกับฝ่ายกบฏที่แย้มว่ามีการปรึกษาเกี่ยวกับเป้าหมายต่างๆ และเชื่อว่ารัฐบาลนายอัสซาดจะถูกถล่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นขณะที่ความเคลื่อนไหวตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีของสหประชาชาติก็มีอันต้องเลื่อนจนถึงวันพุธ (28) เนื่องจากมีความกังวลด้านความปลอดภัย
นายวาลิด มูอัลเลม รัฐมนตรีต่างประเทศซีเรีย แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่าดามัสกัสจะปกป้องตนเองจากการโจมตีใดๆ เรามีสองทางเลือก “หนึ่งคือยอมจำนน หรือปกป้องตนเองด้วยวิธีทางต่างๆ ตามอำนาจของเรา” เขากล่าว “และทางเลือกที่สองคือทางเลือกที่ดีที่สุด เราจะปกป้องตนเอง” พร้อมคุยโตด้วยว่าซีเรียมีแสนยานุภาพที่สามารถสร้างความประหลาดใจแก่โลกทั้งใบ และเตือนถึงการใช้กำลังทหารใดๆ ต่อพวกเขาเพื่อรับใช้ประโยชน์ของอิสราเอล และอัลกออิดะห์
คำประกาศกร้าวของเขามีขึ้นขณะที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรขยับใช้ดำเนินการใช้กำลังกับดามัสกัส ด้วยหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังพิจารณาเข้าโจมตีซีเรียแบบจำกัดพื้นที่และกรอบเวลา เพื่อไม่ให้อเมริกาต้องเข้าไปติดในวังวนสงครามกลางเมืองในซีเรีย
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะรัฐบาลสหรัฐฯว่า โอบามา กำลังพิจารณาโจมตีเป้าหมายในซีเรียแบบจำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้อเมริกาถลำลึกเข้าสู่สงครามกลางเมือง โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน และเป็นการโจมตีด้วยจรวดร่อน “โทมาฮอว์ก” จากเรือรบ ซึ่งขณะนี้ประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว หรือไม่ก็เป็นการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล ต่อเป้าหมายทางทหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวรบอาวุธเคมี เพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซพิษแพร่กระจาย
สอดคล้องกับคำพูดของรัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ที่กล่าวระหว่างเยือนบรูไนว่าทางกองทัพเตรียมพร้อมสำหรับลงมือหากได้รับคำบัญชาใดๆ มาจากโอบามา
วอชิงตันกล่าวหารัฐบาลของนายอัสซาดปกปิดความจริงและบอกว่ากำลังร่วมกับพันธมิตรพิจารณาข้อมูลที่ได้มาเพิ่มซึ่งจะเปิดเผยต่อสาธารณชนในเร็ววันนี้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยอาวุธเคมี “ขอผมพูดให้ชัดนะ” จอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าว “การใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนที่มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้บริสุทธิ์อื่นๆ ถือเป็นการกระทำที่ความต่ำช้าทางศีลธรรม”
ทางประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการทูตต่อซีเรียหลายครั้งด้วยการใช้สิทธิ์ยับยั้งมติของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ระหว่างหารือกันทางโทรศัพท์ว่าไม่มีหลักฐานยืนยันว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี
มอสโก พันธมิตรที่มีอิทธิพลที่สุดของดามัสกัส ยังเตือนว่าการใช้กำลังกับซีเรียจะทำให้เกิดผลลัพธ์เลวร้าย พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตัน “รอบคอบ” และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งแสดงความเสียใจที่อเมริกาเลื่อนการประชุมกับรัสเซียเพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตซีเรียที่กำหนดไว้ในสัปดาห์นี้
กระนั้นก็ตาม มีรายงานว่านายทหารระดับสูงจากชาติตะวันตก และชาติมุสลิมเริ่มประชุมกันที่จอร์แดนเมื่อวันจันทร์ เพื่อหารือถึงผลกระทบจากสงครามในซีเรียที่มีต่อภูมิภาค ขณะที่ผู้แทนอาวุโสของอิสราเอลเยือนทำเนียบขาวเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับวิกฤตซีเรีย และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ส่วนอังกฤษก็เปิดเผยว่า ทางกองทัพของพวกเขากำลังร่างแผนในกรณีที่ต้องเข้าปฏิบัติการในซีเรียและนายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศเผยว่าบางทีชาติตะวันตกอาจตัดสินใจดำเนินการใดๆ แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุมัติอย่างสมบูรณ์จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็ตาม
ด้านฝ่ายกบฏซีเรียก็คาดหมายว่ากองกำลังตะวันตกจะเข้าแทรกแซงรัฐบาลประธานาธิบดีอัสซาด ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเผยว่าได้มีการปรึกษาขอความเห็นเกี่ยวกับเป้าหมายต่างๆ มาแล้ว “ยังไม่กำหนดเวลาที่แน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถพูดได้ก็คือการแทรกแซงของนานาชาติต่อรัฐบาลใกล้มาถึงแล้ว คำถามคือจะเป็นวันไหนเท่านั้นและคงไม่นานเป็นสัปดาห์แน่” นายอาห์เมด รามาดอน สมาชิกคณะกรรมาธิการการเมืองของกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติซีเรียกล่าว “มีการพบปะกันระหว่างพันธมิตรและกองกำลังซีเรียเสรี (กบฏ) และประเทศพันธมิตร ซึ่งระหว่างนั้นมีการหารือถึงเป้าหมายต่างๆ ในนั้นรวมถึงสนามบินกองทัพ ฐานทัพทหารและคลังยุทโธปกรณ์”
ความเป็นไปได้ที่ชาติตะวันตกจะใช้กำลังโจมตีซีเรีย มีขึ้นท่ามกลางปัญหาหยุดชะงักของปฏิบัติการเข้าตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีสังหารผู้คน ด้วยคณะผู้ตรวจสอบของสหประชาชาติเมื่อวันอังคาร (27) ต้องระงับการลงพื้นที่ชานกรุงดามัสกัส จุดที่มีการกล่าวหามีการใช้อาวุธเคมีปลิดชีวิตผู้คนไปนับพันศพเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม สืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย หลังจากถูกซุ่มยิงหนึ่งวันก่อนหน้านี้
โดยรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรียอ้างว่า การเดินทางลงพื้นที่อีกรอบของคณะผู้ตรวจสอบยูเอ็น จำเป็นต้องเลื่อนออกไปจนถึงวันพุธ (28) หลังจากฝ่ายกบฏไม่ยอมให้คำรับประกันด้านความปลอดภัยแก่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น “วันนี้เราประหลาดใจจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาไม่สามารถไปที่นั่นได้เพราะฝ่ายกบฏไม่รับประกันความปลอดภัย ดังนั้นทางคณะจึงจำเป็นต้องเลื่อนออกไปเป็นวันพรุ่งนี้”
ปัญหาการเลื่อนลงพื้นที่นี้ก็ได้รับการยืนยันจากฟาร์ฮาน ฮัก โฆษกของสหประชาชาติ ที่อ้างถึงความกังวลด้านความปลอดภัยหลังจากเมื่อวันจันทร์ (26) มีสไนเปอร์ซุ่มยิงขบวนรถของคณะผู้เชี่ยวชาญ ตามหลังเหตุโจมตีขบวนรถของคณะผู้ตรวจสอบของยูเอ็นเมื่อวานนี้ ผลสรุปของการประเมินคือต้องเลื่อนการลงพื้นที่รอบใหม่ออกไปอีก 1 วัน เพื่อเตรียมการให้ดียิ่งขึ้นและปรับปรุงด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยให้หนาแน่นขึ้น”