เอเจนซีส์ – คณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์การสหประชาชาติซึ่งเข้าไปตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย เดินทางออกจากกรุงดามัสกัสแล้ววันนี้(31) หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพลเมืองซีเรียนับพันศพ ซึ่งเชื่อกันว่าถูกสังหารด้วยอาวุธเคมีของทหารอัสซาด
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในกรุงดามัสกัสรายงานว่า คณะผู้ตรวจสอบยูเอ็น 13 คน นำโดย อาเค เซลสตรอม ขนกระเป๋าเดินทางใส่รถของยูเอ็น 7 คันเพื่อเดินทางออกจากโรงแรมที่พัก ขณะที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ระบุว่า รถของคณะผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นใช้ทางหลวงซึ่งมุ่งหน้าไปยังเลบานอน
ภารกิจของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นที่ปิดฉากลงทำให้ทั่วโลกคาดหมายว่า เร็วๆนี้อาจจะมีการผนึกกำลังทหารโจมตีรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด เพื่อลงโทษที่ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าพลเรือนตัวเอง
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ แถลงอย่างชัดเจนเมื่อวานนี้(30)ว่า สหรัฐฯกำลังเตรียมปฏิบัติการโจมตีซีเรียอย่างจำกัดและเฉพาะเจาะจง พร้อมย้ำว่านานาชาติไม่ควรนิ่งเฉยเมื่อสตรีและเด็กชาวซีเรียหลายร้อยคนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมด้วยแก๊สพิษทำลายระบบประสาท
แม้ โอบามา จะออกตัวว่า ยังไม่ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่าจะส่งทหารโจมตีซีเรียเมื่อใด แต่ก็ถือเป็นการยันยืนชัดเจนว่า บทลงโทษจากสหรัฐฯนั้นมีความเป็นไปได้สูง
ด้านประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ระบุว่า ปฏิบัติการสั่งสอนซีเรียอาจเกิดขึ้นภายในวันพุธหน้า(4) และแม้อังกฤษไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ ก็จะไม่กระทบต่อจุดยืนของรัฐบาลปารีส
“ฝรั่งเศสต้องการปฏิบัติการตอบโต้ที่หนักแน่นและเหมาะสมต่อระบอบซีเรีย” ออลลองด์ ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์รายวัน เลอมงด์ วานนี้(30)
รัฐสภาฝรั่งเศสมีกำหนดเปิดประชุมฉุกเฉิน เพื่อพิจารณาแนวทางตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ซีเรียในวันพุธหน้า(4)
สหรัฐฯได้เผยแพร่รายงานข่าวกรองซึ่งระบุว่า มีพลเมืองซีเรียถูกสังหารด้วยอาวุธเคมีของฝ่ายอัสซาดไปถึง 1,429 ศพ เมื่อวันพุธที่แล้ว(21) ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็ก 426 คน
วานนี้(30) แองเจลา เคน ผู้แทนฝ่ายปลดอาวุธจากยูเอ็นซึ่งเดินทางไปซีเรียพร้อมกับคณะผู้ตรวจสอบอาวุธเคมี ได้เดินทางออกจากกรุงดามัสกัสโดยรถยนต์ และมุ่งหน้าไปยังพรมแดนเลบานอนซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที และคาดว่าเธอจะสรุปรายงานต่อเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มูน ที่นครนิวยอร์ก ในวันพรุ่งนี้(1)