เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “นิวยอร์ก ไทม์ส”หนังสือพิมพ์เก่าแก่ของสหรัฐฯซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 161 ปีลงบทความระบุ พรรคประชาธิปัตย์กำลังจนตรอก ชี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคที่มีดีกรีเป็นนักเรียนเก่าอังกฤษ ถึงขั้นเตรียมระดมมวลชนออกมาต่อสู้บนท้องถนนเพื่อโค่นล้มรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ละทิ้งอุดมการณ์ที่ว่า “เราเชื่อมั่นระบบรัฐสภา” จนหมดสิ้น
โธมัส ฟูลเลอร์ คอลัมนิสต์นิวยอร์ก ไทม์ส สื่อทรงอิทธิพลของสหรัฐฯที่ก่อตั้งกิจการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1851 เผยแพร่บทวิเคราะห์การเมืองไทย 'Well-Mannered Thai Party Throws Down Its Gloves in Government Protests' ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ของไทยซึ่งในอดีตเคยมีชื่อเสียงเป็น “พรรคการเมืองน้ำดี” ตลอดจนมีภาพลักษณ์ของการเป็นผู้ใช้ “สติปัญญา” ในการแก้ปัญหาบ้านเมือง ในสายตาของคนชั้นกลางในกรุงเทพฯมาโดยตลอดนั้น กำลัง “จนตรอก” อย่างหนัก ถึงขั้นที่เตรียมระดมผู้สนับสนุนออกมาประท้วงบนท้องถนนเพื่อหาทางล้มรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ชี้ให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ละทิ้งแม้กระทั่งอุดมการณ์ของตัวเองที่เคยยึดมั่นกลไกรัฐสภาไปจนหมดสิ้นแล้ว
บทวิพากษ์ของนิวยอร์ก ไทม์สระบุว่า คำขู่ของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่จะออกโรงนำมวลชนก่อการลุกฮือเลียนแบบปรากฏการณ์ “อาหรับสปริง” ได้สร้างความประหลาดใจแก่คนไทยจำนวนมาก และเพิ่มความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความโกลาหลทางการเมืองขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย
รายงานระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีที่สำเร็จการศึกษาจากอังกฤษกับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้งัดข้อกันเรื่องร่างกฎหมายหลายฉบับในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่ทางฝ่ายประชาธิปัตย์มองว่าเป็นการลบล้างความผิดให้แก่คนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และทำผิดอาญาแผ่นดิน
อย่างไรก็ดี โธมัส ฟูลเลอร์ชี้ว่า ความขัดแย้งที่กว้างไกลกว่านั้น แท้จริงแล้วมีต้นเหตุมาจากความจนตรอกของฝ่ายประชาธิปัตย์เองเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ประชาธิปัตย์มองว่าเป็น “การกลับมาของทักษิณ ชินวัตร” พี่ชายของยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้คิดนโยบายให้แก่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย
นิวยอร์ก ไทม์ส ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกกดดันอย่างต่อเนื่องนับแต่พ่ายแพ้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 2 ปีก่อน นอกจากนั้น ยังถูกตั้งข้อหาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมทางการเมืองในไทยเมื่อปี 2010 ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายอภิสิทธิ์ซึ่งเกิดในอังกฤษ และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ถูกวิจารณ์หนักว่า ไม่สามารถ “เข้าถึง” ผู้ออกเสียงเลือกตั้งในชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ยับเยินในสนามเลือกตั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นฐานของผู้ออกเสียงราว 1 ใน 3 ของประเทศ
ในการปราศรัยเมื่อวันเสาร์ (24) นายอภิสิทธิ์ได้ใช้คำพูดแข็งกร้าวขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ขณะที่บรรดาแกนนำพรรคต่างใช้ภาษาที่ “หยาบคาย” วิจารณ์รัฐบาล ส่วนฝูงชนที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคต่างตะโกนขับไล่ยิ่งลักษณ์ด้วยคำหยาบเช่นกัน
ส่วนเมื่อวันอาทิตย์ (25) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้จัดการประชุมระดมความคิดว่าด้วยการปฏิรูปการเมือง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์บอกปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วม ขณะที่แม้แต่ในรัฐสภา พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ฉายภาพของตนในฐานะ “นักสู้ข้างถนน” หลัง ส.ส.คนหนึ่งลงมือเค้นคอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งหนังสือพิมพ์ของไทยฉบับหนึ่งเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยใช้คำว่า “ถ่อย”
ฟูลเลอร์ยังระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า บรรดาผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ จะสามารถอดทนกับความไม่สะดวกสบายของการชุมนุมยืดเยื้อ ท่ามกลางแดดร้อนและสายฝนที่ตกกระหน่ำได้หรือไม่ หลังมีผู้ฟังปราศรัยของพรรคเมื่อวันเสาร์(24) หลายรายบอกว่า แม้ตนจะมีจุดยืนต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ก็ต้องขอคิดดูก่อนว่า จะสะดวกเข้าร่วมประท้วงกับพรรคหรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้น นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.หลายสมัยของพรรค ยังระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่จะละทิ้งคำขวัญของอดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ที่ว่า "เราเชื่อมั่นระบบรัฐสภา" และเลือกที่จะหันไปยึดสิ่งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตยแบบทำลายล้าง" โดยอลงกรณ์กล่าวว่า "เราจะไม่ชนะใจประชาชนด้วยประชาธิปไตยแบบม็อบ มันจะสร้างความแตกแยกอย่างไม่สิ้นสุด"