เอพี - จากการประกาศจำนวนการจ้างงานล่าสุดในสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 162,000 งานในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นที่น่าผิดหวัง คุณภาพตำแหน่งงานที่เพิ่มนั้นกว่า 65% เป็นงานพาร์ทไทม์และงานรายได้ต่ำ เช่นในร้านอาหาร ลูกจ้างอเมริกันที่ต้องยังชีพด้วยทั้งงานพาร์ทไทม์และงานที่มีรายได้ต่ำด้วย 15 ดอลลาร์ ต่อชั่วโมง ยอมรับ เหลือเงินเติมน้ำมันรถแค่ 1.39 ดอลลาร์
จากสถานการณ์การจ้างงานล่าสุดในอเมริกา ที่ถึงแม้จะมีตำแหน่งงานใหม่ถูกเพิ่มเข้ามาในระบบแต่มันก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ของชาวอเมริกันดีขึ้น ด้วยตัวเลขการจ้างงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นราว162,000 งานในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นพบว่างานกว่า 65% นั้นเป็นงานประเภทพาร์ทไทม์หรืองานที่ให้ค่าตอบแทนต่ำ...หรืออาจจะทั้งคู่ โดย จอห์น แคนเนลลี นักเศรษฐศาสตร์ประจำ LPT Financial ในเมืองบอสตัน ได้เปิดเผยว่า “ คุณจะมีตำแหน่งงานใหม่เข้ามา แต่งานที่เพิ่มไม่ใช่งานที่มีค่าตอบแทนสูง”
จากต้นปีจนถึงปัจจุบัน เซกเตอร์งานรายได้ต่ำในสหรัฐฯโตถึง 61% ของยอดการโตของการจ้างงานในสหรัฐฯ ถึงแม้งานรายได้ต่ำนั้นจะเป็นเพียงแค่ 39% ของเซกเตอร์ตลาดงานในสหรัฐฯจากภาพรวมก็ตาม อ้างตัวเลขจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ที่วิเคราะห์โดยสถาบันจัดอันดับเครดิตมูดีส์ ซึ่งเซกเตอร์งานรายได้ปานกลางนั้นโตเพียงแค่ 22% ในปีนี้
โดยอลิซาเบธ วิลคินสัน ชาวฮูสตัน รัฐเท็กซัส วัย 28 เป็นหนึ่งในชาวอเมริกันที่ต้องมีชีวิตอยู่ได้แบบวันต่อวันถึงแม้เธอจะรับทำถึง 2 งานก็ตาม โดยหลังจากที่วิลคินสันนั้นต้องออกจากงานแอดมินที่มีรายได้ 39,000 ดอลลาร์ต่อปี (ในสหรัฐฯ ถือว่ารายได้ที่ต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ ต่อปี เป็นรายได้ต่ำกว่าปานกลาง)ที่มหาวิทยาลัยไรซ์ในเดือนมกราคมต้นปีที่ผ่านมา เธอได้งานรายได้ 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงผ่านเวปไซต์จัดหางาน แต่กระนั้นวิลคินสันยังต้องทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟนอกเวลาเป็นงานที่ 2
“ เช้านี้ดิฉันเพิ่งเติมน้ำมันรถด้วยเงิน 1.35 ดอลลาร์ เพราะดิฉันมีเงินติดกระเป๋าแค่นั้นจริงๆ” วิลคินสันให้สัมภาษณ์ผ่านอีเมล “มันเป็นการยากมากที่จะอยู่ได้ด้วยเงินแค่ 30,000 ดอลลาร์ ต่อปี และดิฉันต้องอยู่แบบเดือนชนเดือน”
งานตำแหน่งพาร์ทไทม์ในสหรัฐฯทำให้ยอดการเติบโตของการจ้างงานในสหรัฐฯสูงถึง 77% ในปีนี้ ซึ่งทางรัฐบาลกลางสหรัฐฯได้ให้คำนิยามของงานพาร์ทไทม์ว่า เป็นงานที่มีชั่วโมงการทำงานไม่ถึง 35 ชั่วโมง
เป็นเพราะเศรษฐกิจที่แย่ทั่วโลก ส่งผลให้การสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯนั้นน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อเซกเตอร์งานรายได้ดีตามไปด้วย ที่ถูกซ้ำเติมด้วยการลดรายจ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯทำให้มีผลกระทบต่องานรายได้ดี
นอกไปจากนี้ งานรายได้ดีในสหรัฐฯมีผลกระทบมาจาก นายจ้างอเมริกันได้หาวิธีใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาทำงานออฟฟิสแทนที่พนักงานออฟฟิสชาวอเมริกันทำเพื่อการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ และนายจ้างในอเมริกาหลายคนพบว่าพวกเขาสามารถย้ายงานที่ต้องใช้ความสามารถที่เคยทำในสหรัฐฯไปประเทศอื่นที่มีค่าแรงถูกกว่า เช่น จีน
ในทางตรงข้าม งานค่าแรงต่ำ จากพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร แม่บ้านโรงแรม พนักงานขายของในร้านแฟรนไชน์บิ๊กบ๊อกซ์สโตร์ทั่วสหรัฐฯ บาร์เทนเดอร์ และพนักงานดูแลผู้สูงอายุ ไม่สามารถใช้เทคโนโลยีแทนได้ หรือย้ายงานเหล่านี้ไปประเทศอื่นได้
“คุณจะหาตำแหน่งงานได้เสมอในอุตสาหกรรมค้าปลีก” ไมเคิล อีแวนเจลิส นักวิเคราะห์นโยบาย ของ Liberal National Employment Law project ผู้ให้การสนับสนุนในฐานะตัวแทนพนักงานรายได้ต่ำ
ไมค์ ยูริช วัย 30 จบการศึกษาปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคดลราโด เป็นเพราะ เขาไม่สามารถหางานที่ต้องการความรู้ระดับปริญญาได้ ยูริชจึงต้องดำรงชีพด้วยงานรายได้ 9.19 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ในร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่เมืองสโปกแกนน์ รัฐวอชิงตัน
นักวิเคราะห์ในสหรัฐฯให้ความเห็นว่า การที่นายจ้างในสหรัฐฯหันมาจ้างงานแบบพาร์ทไทม์แทนที่จะเป็นเต็มเวลามากขึ้น เป็นเพราะเพื่อหลีกเลี่ยงกฏหมายประกันสุขภาพ หรือที่เรียกกันว่า โอบามาแคร์ ทีบังคับให้นายจ้างอเมริกันต้องทำประกันสุขภาพให้กับพนักงานประจำทุกคนในสหรัฐฯนั้นที่ถูกเลื่อนให้มีผลบังคับใช้ในปี 2015