ซีเอ็นเอ็น/เอเจนซี - น้ำมันพุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนวอลล์สตรีทก็ทะยานทุบสถิติรอบใหม่วานนี้ (1 ส.ค.) จากข้อมูลภาคการผลิตที่ดีเกินคาดของจีนและยุโรป อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ฉุดให้ทองคำปรับลด เหตุนักลงทุนหันไปเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงที่น่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ ปืดที่ 109.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน
ความร้อนแรงของราคาน้ำมันมีขึ้นจากข้อมูลกิจกรรมการผลิตที่แข็งแกร่งในจีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ หลังพบดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) เดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 50.3 จุด เหนือกว่าที่คาดหมายไว้ว่าน่าจะอยู่ราวๆ 49.8 จุด ขณะที่ค่าดัชนีซึ่งเหนือกว่า 50 จุด ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการขยายตัว
ขณะเดียวกันดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของยุโรป ในเดือนกรกฎาคม ก็อยู่ที่ 50.3 จุด นับเป็นการขยายตัวทางกิจกรรมการผลิตของกลุ่ม 17 ชาติสมาชิกครั้งแรกในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลงเกินคาดหมายของสหรัฐฯด้วย
ปัจจัยต่างๆ ข้างต้นสร้างความคึกคักแก่ตลาดหุ้นสหรัฐฯอย่างมาก และวานนี้ (1 ส.ค.) ก็พุ่งแรง โดยเฉพาะดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่อีกครั้ง
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 128.48 จุด (0.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,628.02 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 21.14 จุด (1.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,706.87 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 49.37 จุด (1.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,675.74 จุด
“ดัชนีสำคัญๆ ปิดจ่อระดับสูงสุดตลอดกาล เพราะข้อมูลการผลิตที่ดีเกินคาดหมายทั้งในจีน ยูโรโซนและสหรัฐฯ ช่วยล่อนักลงทุนเข้าซื้อในตลาดทุนต่างๆ ทั่วโลก” บริษัทที่ปรึกษาบรีฟ ดอทคอม ระบุ
ด้านทองคำวานนี้ (1 ส.ค.) ขยับลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เหตุข้อมูลข่าวดีทางเศรษฐกิจทั้งในจีน ยุโรปและสหรัฐฯ ผลักให้นักลงทุนขายโลหะมีค่าเหลืองชนิดนี้ที่ถูกตีค่าว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แล้วหันไปลงทุนในตลาดอื่นๆ แทน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,311.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์