โบรกฯ ชี้หุ้นพลังงานเริ่มกลับมาร้อนแรง เผยราคาปรับลงต่ำจนน่าเร้าใจ ระบุปัจจัยหนุน ศก. สหรัฐฯ-ยุโรปส่งสัญญาณฟื้นตัว บทวิเคราะห์ให้มุมมองบวกกลุ่มปิโตรเคมี และโรงกลั่น
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาหุ้นพลังงานจะเริ่มมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปฟื้นตัว เพราะจะทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ปรับลดลงจนต่ำสุดแล้ว ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี) ต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนต่อหุ้น (อาร์โออี) และผลตอบแทนเงินปันผลสูง
“ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานถูกกดดันนับตั้งแต่มีปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งกลับด้านหากเศรษฐกิจยุโรป จีน สหรัฐฯ ฟื้นตัวกลุ่มพลังงานก็จะกลับมา โดยเฉพาะการฟื้นตัวของยูโรโซน ซึ่งต้องติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิต และบริการ หรือพีเอ็มไอ (PMI) ของยูโรโซน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 หากปรับเพิ่มสูงเกิน 50 กลุ่มพลังงานจะเริ่มกลับมา”
หุ้นในกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม ปตท. เพราะหากเศรษฐกิจโลกฟื้น กลุ่มแรกที่จะมาคือ กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ซึ่งปัจจุบันพีอีหุ้นในกลุ่มนี้ค่อนข้างต่ำเพียง 8-9 เท่า ส่วนกลุ่มถ่านหิน หรือบ้านปู จะมาต่อเมื่อเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวจริงๆ
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินว่า หุ้นในกลุ่มน้ำมันขั้นต้น ทั้งบริษัท ปตท. และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. จะเริ่มกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น หลังบริษัทบางจากปิโตรเลียม และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ซึ่งเห็นหุ้นเด่นที่ผ่านมา ราคาปรับตัวดีกว่ากลุ่มไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี
นอกจากนี้ แนวโน้มผลประกอบการของผู้ประกอบการขั้นต้นที่ผันผวนน้อยกว่าผู้ประกอบการขั้นปลาย และมูลค่าไม่แพง การปรับตัวด้อยกว่ากลุ่ม สะท้อนความกังวลต่อประเด็นการชดเชยราคาแอลพีจี และเอ็นจีวี สำหรับ ปตท. ขณะที่ ปตท.สผ. เกิดความล่าช้าของโครงการมอนทารา โดยเชื่อว่าความเสี่ยงดังกล่าวได้สะท้อนไปในราคาแล้วระดับหนึ่ง ทำให้ตลาดจะเริ่มมองข้ามไปสู่ปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
แม้จะยังคงน้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด สำหรับกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี แต่เริ่มกลับมามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น โดยจากผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 ที่ออกมา และมุมมองต่อกำไรไตรมาส 3 เทียบกับประมาณการเฉลี่ยของตลาด พบว่า บางจาก ปตท. ปตท.สผ. และพีทีทีโกลบอลฯ มีโอกาสถูกปรับประมาณการขึ้น หลังกำไรไตรมาสแรกคิดเป็น 31.3-42.8% ของคาดการณ์ทั้งปีนี้
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2 แม้มีโอกาสอ่อนตัวลง แต่ยังแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม ตรงกันข้ามกับบริษัท บ้านปู บริษัทไออาร์พีซี และวีนิไท อาจถูกปรับประมาณการลงหลังกำไรไตรมาสแรกของปี คิดเป็น 3-10% ของประมาณการกำไรทั้งปี
ขณะเดียวกัน บล.เกียรตินาคิน วิเคราะห์ว่า ยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีของ ปตท. เอาไว้ที่ 1.03 แสนล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาหุ้นยังมีความน่าสนใจในการลงทุนเนื่องจากยังมีผลตอบแทนรวม 19% (จากอัปไซด์ และผลตอบแทนเงินปันผล) นอกจากนี้ ยังมีอัปไซด์จากกรณีความเป็นไปได้ในการปรับราคาแอลพีจี และเอ็นจีวีเพิ่ม