ปตท.สผ. คาดหวังกำไรค่าเงินหนุนผลงานไตรมาส 1/2556 ออกมาสวย ขณะที่โบรกเกอร์คาดฟันกำไร 1.8 หมื่นล้านบาท โดยบันทึกกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 3.4 พันล้านบาท
น.ส.เพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ โดยระบุว่า ผลงานที่ออกมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ปริมาณการผลิต และการขายเป็นไปตามที่คาดการณ์ นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งไม่แน่นอน จึงอยากให้ดูที่ผลการดำเนินงานมากกว่า
ทั้งนี้ ผู้บริหารพยายามบริหารจัดการผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่วนเรื่องราคาหุ้นที่ปรับลดลงนั้นเป็นไปตามกระแสการไหลเข้าออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ซึ่งในช่วงนี้มีกระแสว่าเงินลงทุนต่างชาติกำลังไหลกลับไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกับหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน และปิโตรเคมี ที่ราคาน้ำมันตลาดโลกอ่อนตัว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นของ ปตท.สผ. นักลงทุนควรดูระยะยาวมากกว่าการลงทุนเก็งกำไร เพราะหากดูระยะสั้น ราคาจะผันผวนตามการไหลเข้าออกของเม็ดเงินลงทุน ซึ่งคาดการณ์การเข้าและออกได้ยาก ส่วนโครงการมอนทารานั้น ทางผู้บริหารยังมีความหวังว่าจะสามารถเดินการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งหากสามารถดำเนินการเป็นไปตามคาดการณ์ก็จะเป็นผลเชิงบวกต่อราคาหุ้นบริษัทได้
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ได่วิเคราะห์ว่า คาดการณ์กำไรไตรมาส 1 ปีนี้ ของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) อยู่ที่ 1.81 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 31.4% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากรายการพิเศษบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3.4 พันล้านบาท ตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นราว 4.24% จากสิ้นงวด 4Q55 มาอยู่ที่ 29.3 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากพิจารณาแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติ จะพบว่าอ่อนตัวลงเล็กน้อย 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปริมาณการผลิตและจำหน่ายในงวดไตรมาส 1 จะปรับตัวลดลง 1.36% มาอยู่ที่ 2.9 แสนบาร์เรลต่อวัน จากการหยุดผลิตเพื่อซ่อมบำรุงโครงการ MTJDA เป็นระยะเวลา 20 วัน ในช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และปริมาณขายที่ลดลงจากแหล่งก๊าซฯ ในพม่า นอกจากนี้ คาดราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจะปรับตัวลดลงราว 0.57% มาอยู่ที่ 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยมาเฉลี่ยอยู่ประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่า ปตท.สผ. จะรายงานกำไรไตรมาสแรกปีนี้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 31% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยผลประกอบการที่ทรงตัวเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณ และราคาขาย แต่ถูกชดเชยด้วยต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้น ปริมาณขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.89 แสนบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 66.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เกิดจากไม่มีการตัดจำหน่ายโครงการมอนทารา และประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น
