xs
xsm
sm
md
lg

เฟดยังคงมาตรการ QE ไว้ต่อไป ระบุเศรษฐกิจมะกันโต “เล็กน้อย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ
เอเจนซีส์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำและมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing หรือ QE) เอาไว้ โดยชี้ว่าถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังต้องการการสนับสนุน ท่าทีเช่นนี้ทำให้นักวิเคราะห์ต้องพากันคาดเดาเองว่า แบงก์ชาติอเมริกันจะยุติการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบอย่างใหญ่โตมหึมาเช่นนี้กันเมื่อใดและอย่างไรแน่

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงเมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) เป็นเวลา 2 วันว่า จะยังคงมาตรการ QE ที่ประกอบด้วยการรับซื้อพันธบัตรคลังและหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อเคหะค้ำประกันเป็นปริมาณรวมเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ต่อไป เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยังคงเผชิญความท้าทายจากมาตรการรัดเข็มขัดตัดลดงบประมาณรายจ่ายในแบบเหมารวมของรัฐบาล

คำแถลงระบุว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจมีอัตราขยายตัวมากขึ้น ภาคการเคหะก็เข้มแข็งขึ้น ทว่า อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะปรับขึ้นพอประมาณ และนโยบายการคลังซึ่งตัดลดงบประมาณรายจ่ายลงทุกภาคส่วนก็กำลังสร้างความกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

พวกนักเศรษฐศาสตร์พากันชี้ว่า คำแถลงของเฟดในคราวนี้ มีอยู่ 3 จุดที่เปลี่ยนแปลงการใช้ภาษาผิดแผกไปจากเดิม ในลักษณะซึ่งเอียงไปทางทัศนะที่จะยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไปอีก

กล่าวคือ ประการแรก เฟดมีทัศนะเกี่ยวกับภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในแง่ดีน้อยลง โดยกำลังระบุถึงฝีก้าวของการเจริญเติบโตว่า “ค่อนข้างน้อย” (modest) หลังจากที่เคยใช้คำว่า “พอประมาณ” (moderate) มาเกือบตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้น คำแถลงครั้งนี้ชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเคหะกำลังสูงขึ้น ซึ่งก็มีนัยว่าเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นปัจจัยลบที่เข้ามาขัดขวางการฟื้นตัวของภาคการเคหะ

ประการที่สำคัญมากก็คือ คำแถลงยอมรับว่ามีอันตรายที่อัตราเงินเฟ้ออาจจะกำลังอยู่ในระดับต่ำเกินไป โดยระบุว่า การที่เงินเฟ้อทรงตัวอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% เป็นเวลานานๆ อาจคุกคามผลประกอบการทางเศรษฐกิจ ถึงแม้เอฟโอเอ็มซีคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถขยับขึ้นไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ในระยะกลาง

เฟดนั้นได้ลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “เฟด ฟันด์ เรต” เอาไว้ในระดับใกล้ 0% มาตั้งแต่ปลายปี 2008 และนับจากนั้นก็ได้ใช้มาตการ QE ครั้งใหญ่ถึง 3 รอบด้วยจุดมุ่งหมายที่จะดึงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ลงต่ำ

กระทั่งในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน เบน เบอร์นันกี ประธานเฟด ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯอาจเริ่มลดปริมาณการอัดฉีดสภาพคล่องรอบหลังสุดนี้ลงตั้งแต่ปลายปีนี้ และยุติลงโดยสิ้นเชิงในตอนกลางปีหน้า

พวกนักเศรษฐศาสตร์พากันคาดหมายว่า เฟดน่าจะลดฝีก้าวในการรับซื้อพันธบัตรกันตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ แต่จากการที่เฟดมีการเปลี่ยนแปลงทัศนะเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไปบ้างดังที่ระบุไว้ข้างต้น ทำให้เกิดพื้นที่ซึ่งเฟดอาจจะขยับปรับเปลี่ยนไปได้อีก ถ้าข้อมูลตัวเลขไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังเข้มแข็งขึ้นแล้วจริงๆ

ทั้งนี้ ในวันเดียวกันนี้ ก่อนที่เฟดจะออกคำแถลงไม่นานนัก รัฐบาลสหรัฐฯได้เปิดเผยตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจประจำไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งปรากฏว่าขยับขยายได้ 1.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ว่าจะไปได้เพียง 1% แต่อัตราเติบโตของไตรมาสแรกก็ถูกปรับลดลงจาก 1.8% เหลือ 1.1%

ถึงแม้มาดมั่นยกเลิกมาตรการซื้อพันธบัตร แต่เฟดยังคงยืนยันว่า นั่นไม่ได้หมายถึงการกลับลำนโยบายและเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยโดยอัตโนมัติ ตรงกันข้าม เฟดย้ำอีกครั้งในคำแถลงล่าสุดว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบสุดขีดใกล้ 0% ยังจำเป็นต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากยุติมาตรการ QE

เฟดยังยืนยันเกณฑ์ในการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย นั่นคืออัตราว่างงานต้องลดลงต่ำกว่า 6.5% จากระดับ 7.6% ในเดือนมิถุนายน และอัตราเงินเฟ้อระยะยาวต้องไม่เกิน 2.5%
กำลังโหลดความคิดเห็น