xs
xsm
sm
md
lg

“สื่อนอก”ระบุ“กรีนพีซ”โวย“พีทีที”คุยเกินจริงที่ว่าทำความสะอาด “อ่าวพร้าว”เสร็จ80%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สื่อต่างประเทศพากันรายงานข่าวในวันนี้ (23ก.ค.) น้ำมันรั่วลงทะเลที่ลอยเข้าปกคลุมชายหาดบนเกาะเสม็ด กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงยิ่งต่อการท่องเที่ยวของไทย รวมทั้งสั่นสะเทือนอุตสาหกรรมประมง ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “กรีนพีซ” ออกมากล่าวหาว่า การที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ระบุว่าการทำความสะอาดเสร็จสิ้นไปแล้ว 80% นั้น เป็นการประเมินสถานการณ์ดีเกินความจริงไปมาก ส่วนผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ก็แสดงความเป็นห่วงว่า คราบน้ำมันอาจจะลอยขึ้นฝั่งแผ่นดินใหญ่

สื่อต่างประเทศ เป็นต้นว่า สำนักข่าวรอยเตอร์, โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น, สำนักข่าวเอเอฟพี ต่างรายงานว่า พวกนักท่องเที่ยวกำลังพากันเดินทางออกจากเกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 230 กิโลเมตร ขณะที่ทหารเรือ, เจ้าหน้าที่ของบริษัทพีทีที, และอาสาสมัคร ซึ่งสวมชุดป้องกันพิษสีขาว กำลังพยายามช่วยกันทำความสะอาดชายหาดอ่าวพร้าว ของเกาะเสม็ด ซึ่งถูกปกคลุมด้วยคราบดำของน้ำมันเป็นบริเวณกว้าง

รอยเตอร์รายงานคำแถลงของนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงมาก ตนเองคาดไม่ถึงว่าน้ำมันรั่วลงทะเลคราวนี้จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างร้ายแรงถึงขนาดนี้

ขณะที่ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เวลานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าคราบน้ำมันจะส่งผลกระทบกระเทือนมากน้อยแค่ไหน โดยข่าวที่ปรากฏออกมาชี้ว่า ความเสียหายจำกัดอยู่เฉพาะที่ชายหาดอ่าวพร้าวเพียงแห่งเดียว โดยที่เกาะเสม็ดมีชายหาดทั้งสิ้น 14 แห่ง นอกจากนั้นเวลานี้ถือเป็นช่วง “โลว์ ซีซั่น” สำหรับการท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด ช่วงไฮ ซีซั่น นั้นอยู่ในระหว่างเดือนตุลาคมถึงเมษายน

ซีเอ็นเอ็น อ้างคำพูดของ นายริชาร์ด แบร์โรว์ บล็อกเกอร์ผู้เขียนเรื่องการท่องเที่ยประเทศไทย ที่ระบุว่า เท่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ซึ่งเดินทางไปเกาะเสม็ด จะพากันพักตามรีสอร์ตและโรงแรมที่อยู่ทางฟากตะวันออกของเกาะ ซึ่งเวลานี้ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนอะไรจากคราบน้ำมัน และนักท่องเที่ยวยังสามารถใช้ชีวิตพักผ่อนช่วงวันหยุดได้ตามปกติ

อย่างไรก็ดี ซีเอ็นเอ็นชี้ว่า นักท่องเที่ยวบางคนซึ่งไปพักที่อ่าวพร้าว ได้โพสต์ข้อความในเว็บไซต์ระบุว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดการต่างๆ แบบไม่ได้คาดหมายมาก่อน เป็นต้นว่า ผู้ใช้นามว่า “แมตเจนส์” (MatJens) ซึ่งเขียนลงใน “ทริปแอดไวเซอร์” (Tripadvisor) เว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อวันจันทร์ (30) ว่า “น้ำมันปกคลุมไปเต็มทั่วทั้งชายหาดเมื่อพวกเราตื่นขึ้นมาในตอนเช้า” ทำให้พวกเขาต้องออกจากรีสอร์ต “ลิมา โคโค” ซึ่งพักอยู่ และกล่าวต่อไปว่า “เราได้จองที่พักใหม่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะช้าง และพนักงานของลิมา โคโค ให้ความช่วยเหลืออย่างดียิ่งในการนำเราไปที่นั่น เรายังได้รับเอกสารรับรองที่ให้สิทธิในการกลับมาพักในอนาคต ตามจำนวนวันที่เราได้จ่ายเงินไปล่วงหน้าแล้ว”

ขณะที่รอยเตอร์กล่าวว่า ถึงแม้อ่าวพร้าวเป็นชายหาดบนเกาะเสม็ดที่ถูกกระทบหนักที่สุดจากคราบน้ำมัน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวซึ่งพักอยู่ตามจุดอื่นๆ บนเกาะแห่งนี้ กำลังพากันเดินทางออกมาเช่นกัน

รอยเตอร์อ้างคำพูดของ ดาเรีย โวลคอฟ นักท่องเที่ยวจากกรุงมอสโก ซึ่งกล่าวว่า “เราพักอยู่ที่อีกหาดหนึ่ง แต่เราไม่คิดที่จะเสี่ยงอะไรหรอก เรากำลังเช็กเอาต์ออกมา”

นอกจากนั้น สำนักข่าวแห่งนี้ยังอ้างคำพูดของนายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ระยอง ที่ยอมรับว่า พวกนักท่องเที่ยวกำลังเดินทางออกไป และพวกที่จองเอาไว้ก็มีบางส่วนขอยกเลิก เขาระบุด้วยว่า เกาะเสม็ดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งนักท่องเที่ยวรัสเซียและจีนนิยมกันมาก แต่คนเหล่านี้ก็คงจะไม่พักกันนานแน่นอน ถ้าหากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาทีเกิดขึ้นได้

ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานคำกล่าวอ้างในวันอังคาร (30) ของนายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ที่ว่า การปฏิบัติการทำความสะอาดชายหาดอ่าวพร้าว เวลานี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยไป 80% แล้ว และคาดหมายว่าในวันพุธ (31) ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เอเอฟพีระบุว่า กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้นว่ากลุ่มกรีนพีซ ต่างเตือนว่ายังมีงานอีกมากมายนักที่จะต้องทำ และได้อ้างคำพูดของนายพลาย ภิรมย์ ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบอกว่า “ไม่เป็นความจริงเลยที่อ้างว่าทำงานเสร็จสิ้นไป 80% แล้ว ยังมีน้ำมันอีกตั้งเยอะแยะที่อยู่ในอ่าวพร้าว”

“เป็นเรื่องน่าผิดหวังมากๆ ที่บริษัทระดับโลกแห่งนี้ไม่ได้มีแผนฉุกเฉินเตรียมเอาไว้สำหรับรับมือกับวิกฤตเช่นนี้” เอเอฟพีอ้างคำพูดของนักรณรงค์แห่งกรีนพีซผู้นี้

นอกจากนั้น เอเอฟพีบอกว่า ยังมีพวกนักอนุรักษ์ธรรมชาติที่แสดงความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของสารเคมีที่ใช้ในการกำจัดคราบน้ำมัน ในบริเวณซึ่งพวกชาวประมงจับปลากันอยู่เป็นประจำเช่นนี้

ไม่เพียงเท่านั้น เอเอฟพีได้รายงานคำพูดของ พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ เสรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ของกองทัพเรือ ซึ่งกล่าวว่า มีความเสี่ยงที่คราบน้ำมันจะลอยขึ้นฝั่งแผ่นดินใหญ่

“น้ำมันที่อยู่ในลักษณะเป็นฟิล์มบางๆ (หลังจากใช้สารเคมีเข้าละลาย) อาจจะไปถึงฝั่งแผ่นดินใหญ่ได้ มันกำลังเริ่มเคลื่อนไปทางนั้นแล้วในขณะนี้” เอเอฟพีอ้างคำกล่าวของ พล.ร.ท.รุ่งศักดิ์ ซึ่งได้ระบุด้วยว่า “อาจจะต้องใช้เวลาสัก 1 อาทิตย์จึงจะสามารถควบคุมมันได้”
กำลังโหลดความคิดเห็น