พัทลุง - ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง วอนประชาชนชาวพัทลุงช่วยกันปกป้องป่าไม้ไม่ให้ถูกทำลาย เนื่องในวันคุ้มครองโลก หลังจากป่าไม้ในพื้นที่ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกขณะ
นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า วันที่ 22 เมษายนของทุกปี เป็นวันคุ้มครองโลก ซึ่งถือเป็นวันที่ทุกคนควรให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ตลอดไป ทั้งนี้ เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่เกื้อกูลต่อทุกชีวิตในโลก หากทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย สิ่งแวดล้อมย่อมเปลี่ยนแปลงไป และสิ่งที่จะตามมาคือ การเกิดภัยธรรมชาติ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกขณะ
สำหรับในส่วนของจังหวัดพัทลุง ปัญหาที่พบมากคือ ปัญหาน้ำท่วม มีสาเหตุมาจากหลายอย่าง เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกพื้นที่สาธารณะ การปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ เป็นต้น ซึ่งทางจังหวัดพัทลุงได้พยายามมีมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนทุกคนสามารถช่วยกันได้ก็คือ การปกป้องป่าไม้ไม่ให้ถูกทำลาย เพราะในขณะนี้ พื้นที่ป่าในจังหวัดพัทลุงลดน้อยลงไปมาก ซึ่งเป็นผลโดยตรงที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันเกิดขึ้นทุกปี แต่หากประชาชนช่วยกันปกป้องผืนป่าที่เหลือ และพยายามฟื้นฟูปลูกป่าเพิ่มขึ้น เชื่อว่าอนาคต จะสามารถลดปัญหาการเกิดอุทกภัยได้อย่างมาก และทำให้จังหวัดพัทลุงกลับมามีพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์อีกครั้ง
สำหรับวันคุ้มครองโลกหรือ ในภาษาอังกฤษว่า เอิร์ธเดย์ (Earth Day) ถือกำเนิดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2513 โดยนักอนุรักษ์ธรรมชาติกลุ่มหนึ่งได้จัดให้มีการแสดงพลังครั้งใหญ่เพื่อปลุกเร้าจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังถูกทำลายอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งการแสดงพลังครั้งนั้น มีผู้เข้าร่วมกว่า 20 ล้านคน และปรากฏขึ้นตามเมืองใหญ่ๆ เกือบทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังจากนั้น ความห่วงใยปัญหาสภาพแวดล้อมของสหรัฐฯ ก็เพิ่มพูนขึ้น มีการออกกฎหมายควบคุมการกระทำที่สร้างความเสียหายให้แก่ธรรมชาติ สำหรับประเทศไทยเริ่มพูดถึงวันคุ้มครองโลกครั้งแรก เมื่อปี 2533 ถือเป็นการเริ่มต้นของสังคมไทยยุคเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะหลังจากสืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กระทำอัตวินิบาตกรรม และเมื่ออาจารย์ และนักศึกษาร่วมกัน 16 สถาบันได้จัดงานวันคุ้มครองโลกขึ้นเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของป่าอนุรักษ์ และตระหนักถึงวิกฤตการทำลายสัตว์ป่า และป่าไม้ประเทศไทย ยังมีการจัดงานเพื่อหาทุนเข้ามูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อใช้ในการปกป้องรักษาผืนป่า ที่เป็นมรดกของโลกอีกด้วย
ดังนั้น ในวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 22 เมษายน ของทุกๆ ปี เป็นวันที่เรามีโอกาสรำลึกถึงสิ่งแวดล้อม และใคร่ครวญว่าเราจะต้องทำอะไรอีกบ้างเพื่อปกป้องของขวัญที่ธรรมชาติมอบแก่โลกของเราใบนี้ แม้ว่าจะไม่มีองค์กรกลางแห่งใดที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักในการฉลองวันคุ้มครองโลก แต่มีองค์กรเอกชนหลายแห่งที่คอยสังเกตการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมตามโรงเรียน และสวนสาธารณะหลายพันแห่งที่จัดขึ้นในวันนี้ ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะจัดกิจกรรมต่างๆ ในวันคุ้มครองโลก แม้ว่าไม่มีประเทศใดที่ประกาศให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดประจำชาติ ในสหรัฐอเมริกา วันดังกล่าวช่วยย้ำเตือนว่าจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งของสำนึกของประชาชนทั่วประเทศ และการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นความคิดที่จำกัดอยู่ในวงของพวกหัวอนุรักษ์เท่านั้น ได้ขยายออกมาสู่ชาวอเมริกันหมู่มากแล้ว
ภายหลังวันสถาปนาวันคุ้มครองโลกในปีแรก รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้กฎหมายฉบับสำคัญ สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (U.S. Environmental Protection Agency) ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2513 ตามด้วยการประกาศใช้กฎหมายอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Act) กฎหมายน้ำสะอาดปี พ.ศ.2515 (Clean Water Act of 1972) และกฎหมายว่าด้วยสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์ พ.ศ.2516 (Endangered Species Act of 1973) บทบัญญัติข้อหนึ่งในจำนวนบทบัญญัติหลายข้อที่มีผลกว้างไกลของกฎหมายเหล่านี้คือ บทบัญญัติที่บังคับให้รถยนต์ต้องใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว และวิ่งได้ระยะทางอย่างน้อยเท่าที่กฎหมายกำหนดต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน ตลอดจนมีเครื่องฟอกไอเสียที่ช่วยลดปริมาณควันพิษที่ปล่อยออกจากท่อไอเสียรถยนต์
ตามครัวเรือนต่างๆ ของสหรัฐฯ ประชาชนเริ่มแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล โดยบ่อยครั้งที่ลูกๆ มักเป็นคนเตือนพ่อแม่ให้ทำเช่นนั้น พอถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 ชุมชนหลายแห่งมีโครงการรีไซเคิล เมื่อถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1999 โครงการรีไซเคิลของเทศบาลเหล่านี้ก็สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยจำนวนขยะที่เทศบาลต้องนำไปทิ้งลดลงอย่างเห็นได้ชัด และกว่าร้อยละ 20 ของขยะในเขตเทศบาลของอเมริกาได้ถูกนำไปแปรรูปให้กลายเป็นผลผลิตที่มีประโยชน์ บริษัทห้างร้านต่างๆ ซึ่งเริ่มตระหนักมากขึ้นในความต้องการของผู้บริโภค และผลกำไรที่จะได้รับในตอนท้าย มักโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีหลายบริษัทที่ใช้วิธีการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพ และลดจำนวนกากของเสียจากอุตสาหกรรมลงด้วย
เหตุการณ์เล็กๆ อย่างการประท้วงในปี พ.ศ.2513 ได้วิวัฒนาการกลายเป็นการเฉลิมฉลอง และความมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในระดับโลก ประวัติความเป็นมาของสิ่งแวดล้อมสะท้อนถึงจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมที่เจริญงอกงามในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา และสิ่งที่เราได้รับจากวันคุ้มครองโลกก็คือ การตระหนักว่าสิ่งแวดล้อมคือความห่วงใยของคนทุกหมู่เหล่าทั่วโลก