เอเอฟพี/รอยเตอร์ - บรรดาองค์กรและนักเคลื่อนไหวด้านอนุรักษ์ธรรมชาติ พากันตื่นเต้นยินดีที่หลังจากพวกเขาพยายามกดดันไทยให้จัดการกับปัญหาการลักลอบซื้อขายงาช้างเถื่อนผ่านดินแดนประเทศนี้แล้ว นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แสดงอาการโอนอ่อน โดยกล่าวระหว่างไปเปิดการประชุมนานาชาติในกรุงเทพฯเมื่อวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) ซึ่งชวนให้เข้าใจว่ารัฐบาลไทยกำลังจะยุติการค้างาช้างทั้งหมด แต่แล้วโฆษกสำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรีก็ออกมาแก้ข่าวว่า ไทยจะเพียงแค่เพิ่มความเอาจริงเอาจังในการปราบปรามการซื้อขายงาช้างเถื่อนเท่านั้น
ระหว่างไปเป็นประธานเปิดการประชุมของภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species ) หรือ ไซเตส (CITES) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เธอจะแก้ไขกฎหมายไทย “ด้วยเป้าหมายที่จะยุติการค้างาช้าง”
พวกนักเคลื่อนไหวด้านอนุรักษ์ธรรมชาติโวยว่า การค้างาช้างอย่างถูกกฎหมายในไทย ซึ่งมุ่งซื้อขายงาของช้างเอเชียที่ถูกเลี้ยงเป็นช้างบ้านนั้น กำลังถูกพวกอาชญากรฉวยประโยชน์ใช้เป็นช่องทางในการขายงาช้างแอฟริกาที่พวกเขาได้มาอย่างผิดกฎหมาย และเรื่องนี้กำลังกลายเป็นแรงขับดันทำให้เกิดวิกฤตไล่ล่าช้างในกาฬทวีป จนกระทั่งมีช้างป่าถูกเข่นฆ่าไปนับหมื่นๆ ตัวในแต่ละปี
ตามข้อมูลขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature หรือ WWF) ปัจจุบันไทยเป็นตลาดค้างาช้างผิดกฎหมายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากจีนเท่านั้น โดยที่มีผู้ค้าซึ่งมิได้รับอนุญาตจำนวนหลายสิบราย กำลังขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้าง ขณะที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่ได้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
WWF ตลอดจนกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติอื่นๆ ยังกำลังเรียกร้องให้ ไซเตส มีมติลงโทษไทย, ไนจีเรีย, และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สืบเนื่องจากประเทศเหล่านี้มีส่วนอยู่ในการค้างาช้างผิดกฎหมาย
ภายหลังคำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีไทยคราวนี้ คาร์ลอส ดริวส์ หัวหน้าคณะผู้แทนของ WWF ใน ไซเตส ให้ความเห็นโดยตีความคำพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า เป็นการให้คำมั่นสัญญาที่จะยุติการค้างาช้างในประเทศไทย
“พวกเรารู้สึกตื่นเต้นพอใจมากที่ได้เห็นนายกฯยิ่งลักษณ์ใช้โอกาสนี้มาทำให้โลกจับจ้องส่องไฟสปอตไลต์ และให้คำมั่นสัญญาที่จะยุติการค้างาช้างทั้งหมดในประเทศไทย” เขากล่าว
พร้อมกันนั้น เขาก็เรียกร้องว่า “ถึงตอนนี้นายกฯ ยิ่งลักษณ์จำเป็นที่จะต้องบอกกำหนดเวลาสำหรับการห้ามการค้าดังกล่าวนี้ และให้หลักประกันว่าเรื่องนี้จะบังเกิดขึ้นโดยถือเป็นเรื่องอันเร่งด่วน เพราะการเข่นฆ่าช้างนั้นยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ”
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ได้บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า คำกล่าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ไปไกลถึงขนาดที่พวกนักอนุรักษ์ธรรมชาตินานาชาติเข้าใจกัน
นพ.ทศพรบอกว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ “หมายความว่าประเทศไทยจะดำเนินการอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการค้างานช้างอย่างผิดกฎหมาย … เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ (การค้างาช้างอย่างถูกกฎหมาย) เลย”
เอเอฟพีรายงานว่า ในคำปราศรัยเปิดการประชุมไซเตสคราวนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่า “ไม่มีใครอีกแล้วที่ให้ความเอาใจใส่ช้างยิ่งไปกว่าคนไทย” แต่เธอก็กล่าวว่า “โชคร้าย มีคนจำนวนมากใช้ไทยเป็นประเทศทางผ่านสำหรับการค้างาช้างระหว่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย”
น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าไทยจะออกกฎเกณฑ์ควบคุมอย่างเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้นเพื่อสกัดกั้นการไหลเวียนของงาช้างผิดกฎหมาย และให้หลักประกันว่างาช้างที่มีอยู่ในไทยจะมาจากงาของช้างบ้าน
ทางด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ได้แถลงสนับสนุนคำมั่นสัญญาของนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า กำลังจะให้พวกผู้ขายงาช้างในไทยต้องทำบัญชีสินค้าคงคลังของพวกตนให้เรียบร้อยชัดเจน