เอเอฟพี - เหล่าผู้นำฝ่ายซ้ายของละตินอเมริกา เดินทางไปรวมตัวกันที่โบลิเวียเมื่อวันพฤหัสบดี (4) เพื่อสนับสนุนประธานาธิบดีอีโว โมราเลส และแสดงความโกรธเคืองบางประเทศในยุโรปที่ห้ามเครื่องบินของผู้นำรายนี้บินผ่านน่านฟ้า ด้วยต้องสงสัยว่าแอบซุกซ่อน “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” จอมแฉโปรแกรมสอดแนมซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของสหรัฐฯเอาไว้ ด้วยตัวนายโมราเลส ตำหนิวอชิงตันอย่างดุเดือดและเรียกร้องชาติยุโรปเลิกก้มหัว ปลดปล่อยตนเองจากอาณาจักรอเมริกา
โมราเลส เดินทางกลับถึงมาตุภูมิในช่วงค่ำวันพุธ (3) ตามหลังต้องหยุดพักที่กรุงเวียนนา เพื่อตรวจค้นนานหลายชั่วโมง โดยเครื่องบินของเขาต้องเบี่ยงไปลงจอด ณ สนามบิน เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เนื่องจากถูกหลายชาติในยุโรปห้ามบินผ่านน่านฟ้า อันจุดชนวนเดือดดาลในบรรดาผู้นำชาติละตินอเมริกา
การถูกบังคับให้เปลี่ยนเส้นทางนั้น เกิดขึ้นหลังจากเครื่องบินของโมลาเลส มุ่งหน้าออกจากมอสโกในคืนวันอังคาร (2) ตามหลังประธานาธิบดีรายนี้ ซึ่งไปเข้าร่วมการประชุมด้านพลังงานที่เมืองหลวงรัสเซีย ได้เอ่ยปากขณะอยู่ที่นั่นว่า โบลิเวียจะรับไว้พิจารณา หากสโนว์เดนยื่นคำร้องขอลี้ภัยทางการเมือง
ทั้งนี้ “จอมแฉ” ชาวอเมริกันวัย 30 ปีผู้นี้ ตกค้างอยู่ในพื้นที่ทรานสิต ของสนามบินแห่งหนึ่งของกรุงมอสโกนับแต่วันที่ 23 มิถุนายน โดยที่เขาได้ยื่นขอลี้ภัยใน 21 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งออสเตรียและโบลิเวียด้วย เพื่อหลบหลีกไม่ให้ถูกส่งตัวกลับไปถูกดำเนินคดีในสหรัฐฯ จากกรณีที่เขาออกมาแฉว่าอเมริกาสอดแนมโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง
“คำขอโทษจากประเทศใดประเทศหนึ่งที่ไม่อนุญาตให้เราบินผ่านน่านฟ้ามันไม่เพียงพอหรอก” โมราเลส กล่าวก่อนที่จะมีการพูดคุยกันในหมู่ผู้นำชาติละตินที่เมืองโคชาชัมบา ตอนกลางของโบลิเวีย “บางรัฐบาลออกมาขอโทษแล้ว บอกว่ามันเป็นความผิดพลาด แต่นี่มันไม่ใช่แค่ความผิดพลาด”
ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ประธานาธิบดีราฟาเอล คอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์ ประธานาธิบดีโฮเซ มูจิกา แห่งอุรุกวัย รวมถึงประธานาธิบดีเดซี เบาเทอร์เซอ ของซูรินาเม เดินทางมาถึงโบลิเวีย สำหรับร่วมหารือกันในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี(4) แล้ว ขณะที่คริสตินา เคิร์ชเนอร์ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา มีกำหนดเดินทางมาสมทบในภายหลัง
“เราเดินทางมาโบลิเวียเพื่อมอบอ้อมกอดแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสหายอีโว โมราเลส และประชาชนชาวโบลิเวียที่น่ารัก ขณะเดียวกันก็จะร่วมตัดสินใจในประเด็นต่างๆและแสดงให้เห็นว่าเราจะไม่ยอมรับพฤติกรรมลบหลู่เยี่ยงนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศละตินอเมริกาไหนๆ ก็ตาม” คอร์เรียกล่าวก่อนเดินทางมาถึง
“ลองจินตนาการดูหากมันเกิดขึ้นกับผู้นำชาติยุโรป หากมันเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บางทีมันอาจเป็นชนวนแห่งสงครามเลยก็ได้ พวกเขาคงคิดว่าสามารถเล่นงาน ทุบทำลาย ละเมิดกฎหมายนานาชาติได้ตามอำเภอใจ” คอร์เรียระบุ ด้านมาดูโร เสริมว่ายุโรปทำลายสิทธิได้รับการความคุ้มกันระหว่างประเทศของประมุขแห่งรัฐลงอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ นายคอร์เรียเรียกร้องให้มีการจัดประชุมใหญ่กว่านี้ ของเหล่าผู้นำสหภาพประชาชาติอเมริกาใต้ แต่ประธานาธิบดีบราซิล โคลอมเบีย ชิลี และเปรู ยังไม่ยืนยันการเข้าร่วม แม้ว่าได้ออกมาประณามเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างหนักหน่วงแล้วก็ตาม ขณะที่ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส ของโคลอมเบีย ก็แสดงความสนับสนุนนายโมราเลส เช่นกัน แต่เตือนบนทวิตเตอร์ว่าเรื่องนี้อาจเลี้ยวเข้าสู่วิกฤตทางการทูตระหว่างละตินอเมริกาและสหภาพยุโรป
พวกเจ้าหน้าที่โบลิเวียกล่าวหาทั้งฝรั่งเศส โปรตุเกส อิตาลี และสเปน ว่าในเบื้องต้นไม่ยินยอมเปิดน่านฟ้าให้แก่เครื่องบินของโมลาเลสบินผ่าน จึงบีบให้ไอพ่นลำนี้ต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่ สืบเนื่องจากประเทศเหล่านี้เชื่อข่าวลือที่ไม่มีมูลว่า สโนว์เดนกำลังเดินทางมาพร้อมกับประธานาธิบดีโบลิเวีย ขณะที่ตัวโมลาเลสก็ออกมาจวกสหรัฐฯ และเรียกร้องชาติยุโรป ปลดปล่อยตัวออกจากอาณาจักรอเมริกา
กำแพงของสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองซานตาครูซ ของโบลิเวีย ถูกฉีดพ้นด้วยสเปรย์สีแดง ด้วยข้อความหนึ่งระบุว่า “ไม่เอาคนต่างด้าว โอบามา” หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงค่ำวันพุธ (3) ผู้ประท้วงราว 100 คน รวมตัวประท้วงเผาธงและขว้างปาก้อนหินเข้าใส่สถานทูตฝรั่งเศสในกรุงลาปาซ จนกระจกแตก
นับตั้งแต่นั้นฝรั่งเศสก็ออกมาขอโทษต่อกรณีห้ามเครื่องบินของประธานธิบดีโมราเลสผ่านน่านฟ้าชั่วคราว โดยประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แก้ตัวว่าเกิดจากความขัดแย้งทางข้อมูลเกี่ยวข้องผู้โดยสาร
กระนั้นก็ดี ในวันพุธ (3) ทางการโบลิเวียได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงสหประชาชาติ และยังมีแผนส่งคำร้องอีกฉบับไปยังคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ต่อกรณีหลายประเทศในยุโรปปิดน่านฟ้าห้ามเครื่องบินของโมราเลสบินผ่าน โดยประณามพฤติกรรมของชาติในยุโรปว่าไม่แตกต่างจากความพยายามในการ “ลักพาตัว” ผู้นำของพวกเขา