เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีฮวน เอโบ โมราเลส อัยมา แห่งโบลิเวีย เดินทางกลับถึงประเทศของตัวเองแล้วในช่วงก่อนเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (4) หลังหลายประเทศในยุโรปปิดน่านฟ้าห้ามเครื่องบินของผู้นำโบลิเวียบินผ่านเพราะมีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีการแอบซุกซ่อน “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” ผู้แฉโปรแกรมสอดแนมลับสุดยอดของสหรัฐฯ ไว้บนเครื่อง
รายงานข่าวระบุว่า เครื่องบินของผู้นำโบลิเวีย วัย 53 ปีได้ลงจอดอย่างปลอดภัยแล้ว ณ สนามบินแห่งหนึ่งใกล้กับกรุงลา ปาซ หลังต้องใช้เวลานานกว่า 17 ชั่วโมงในการเดินทางจากสนามบินในกรุงเวียนนาของออสเตรีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เครื่องบินของโมราเลสต้องไปลงจอด เพราะถูกทางการฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และโปรตุเกสปฏิเสธไม่ให้บินผ่านน่านฟ้า เนื่องจากต้องสงสัยว่า เครื่องบินลำดังกล่าวที่บินมาจากกรุงมอสโกของรัสเซีย อาจมีการแอบนำตัวสโนว์เดนที่ทางการสหรัฐฯ ต้องการตัวขึ้นเครื่องมาด้วย
ก่อนหน้านี้ โมราเลสซึ่งก้าวขึ้นตำแหน่งผู้นำโบลิเวียมาตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2006 ได้กล่าวระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมด้านพลังงานที่กรุงมอสโกของรัสเซียว่า เขาพร้อมพิจารณาคำขอลี้ภัยจากนายสโนว์เดน โดยโบลิเวียเป็นหนึ่งในมากกว่า 20 ประเทศที่ตกเป็นข่าวว่าพร้อมให้ที่หลบภัยแก่บุคคลที่รัฐบาลอเมริกัน กำลังตามล่าตัวรายนี้
รายงานข่าวระบุว่า ทางการโบลิเวียออกคำแถลงยืนยันว่า สโนว์เดนที่คาดว่าจะยังหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงของรัสเซียมิได้อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว ขณะที่ทางการออสเตรียก็ยืนยันในเวลาต่อมาด้วยคำตอบเดียวกันหลังจากได้รับอนุญาตให้เข้าตรวจค้นเครื่องบินของผู้นำโบลิเวีย ส่งผลให้บรรดาชาติในยุโรปที่ประกาศห้ามเครื่องบินของโมราเลสบินผ่านน่านฟ้าไปก่อนหน้า ต้องทยอยยกเลิกประกาศของตนในเวลาต่อมา เพื่อเปิดทางให้เครื่องบินผู้นำโบลิเวียสามารถบินออกจากออสเตรียผ่านน่านฟ้าของสเปน ก่อนจะไปแวะเติมน้ำมันที่บราซิลและมุ่งหน้ากลับสู่โบลิเวียในที่สุด
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (3) ทางการโบลิเวียได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงสหประชาชาติ และยังมีแผนส่งคำร้องอีกฉบับไปยังคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ต่อกรณีหลายประเทศในยุโรปปิดน่านฟ้าห้ามเครื่องบินของโมราเลสบินผ่าน โดยประณามพฤติกรรมของชาติในยุโรปว่าไม่แตกต่างจากความพยายามในการ “ลักพาตัว” ผู้นำโบลิเวีย
ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศในลาตินอเมริกาต่างออกคำแถลง ที่มีเนื้อหาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกันรวมถึงการประท้วงของประชาชนตามท้องถนนในกรุงลา ปาซของโบลิเวียที่มีรายงานว่า พบการเผาธงชาติของฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศในยุโรปที่เกี่ยวข้องกับการ “หยามเกียรติ” ผู้นำโบลิเวียครั้งนี้