เอเอฟพี - คณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันหลังเปิดประชุมลับเมื่อวันอังคาร (2) ว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อกรณีสหรัฐฯ ดักฟังโทรศัพท์และลักลอบเข้าสู่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในสำนักงานอียูหลายแห่ง จะไม่ส่งผลกระทบให้กำหนดการเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีมูลค่ามหาศาลต้องล่าช้าออกไป หลังพฤติกรรมดังกล่าวของอเมริกาก่อความฉุนเฉียวต่อชาติสมาชิกอียู จนเคยออกมาขู่ว่ามันอาจกัดเซาะข้อตกลงดังกล่าว
หลังจากดำเนินการประชุมลับ เปีย อาห์เรนคิลเด แฮนเซน โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรปบอกว่า คณะผู้บริหารสหภาพยุโรปพิจารณาร่วมว่าการเริ่มต้นเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างอียูกับสหรัฐฯ ไม่ควรได้รับผลกระทบต่อเรื่องนี้
กระนั้นก็ตาม ทางคณะกรรมาธิการเตือนว่าทางยุโรปจะแสดงจุดยืนอันหนักแน่นว่า การเจรจาอันกว้างขวางและทะเยอทะยานเช่นนี้จะประสบความสำเร็จได้ก็จำเป็นต้องมีความโปร่งใสและความชัดเจนในหมู่คู่หูที่เข้าร่วมการเจรจา รวมไปถึงความเชื่อมั่นต่อกัน
คาเรล เดอ กุช กรรมาธิการการค้าสหภาพยุโรป จะเป็นหัวหน้าทีมเจรจาของฝั่งยุโรปที่มีคิวพูดคุยกับวอชิงตันในสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ก่อนหน้านี้ความขุ่นเคืองของชาติยุโรปต่อกรณีสหรัฐฯ ถูกแฉว่าดำเนินการสอดแนมสำนักงานต่างๆ ของอียูส่อแววคุกคามการเจรจาเขตการค้าเสรี แม้อเมริกาจะพยายามพูดคุยปลอบประโลมดับกระแสความโกรธกริ้วแล้วก็ตาม
โดยประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส เตือนเมื่อวันจันทร์ (1) ว่าจะไม่มีการเจรจาหรือติดต่อใดๆ ในทุกภาคส่วน จนกว่าจะได้รับคำประกันจากสหรัฐฯ ซึ่งไม่ใช่กับแค่ฝรั่งเศสแต่ยังรวมไปถึงทุกชาติในสหภาพยุโรปด้วย
นิตยสารเยอรมันชื่อดัง “แดร์ สปีเกล” รายงานเมื่อวันเสาร์ (29) โดยส่วนหนึ่งอ้างอิงเอกสารลับที่ “จอมแฉ” เอิดเวิร์ด สโนว์เดน เป็นผู้เปิดเผย ซึ่งระบุว่าสหรัฐฯ แอบดักฟังโทรศัพท์และลักลอบเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในหน่วยงานต่างๆ ของอียู
แดร์ สปีเกล อ้างข้อความจากเอกสาร “ลับสุดยอด” ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) ที่จัดทำเมื่อเดือนกันยายน ปี 2010 ซึ่งนิตยสารฉบับนี้ระบุว่า สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างของเอ็นเอสเอซึ่งกำลังหลบหนีได้นำติดตัวไปด้วย และนักข่าวของนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับนี้ได้อ่านเอกสารนี้เป็นบางส่วน
เอกสารฉบับนี้บรรยายกรอบโครงวิธีการที่เอ็นเอสเอดักฟังโทรศัพท์ของหน่วยงานต่างๆ และวิธีสอดแนมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในของสหภาพยุโรปทั้งที่กรุงวอชิงตันและที่องค์การสหประชาชาติ ซึ่งองค์กรที่ถูกกล่าวหาแห่งนี้ไม่เพียงแค่แอบฟังบทสนทนาและแอบบันทึกหมายเลขติดต่อทางโทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังได้ทำการลักลอบเข้าระบบไฟล์เอกสารและอีเมลอีกด้วย
ทั้งนี้ ในเอกสารใช้คำเรียกสหภาพยุโรปอย่างชัดเจนว่าเป็น “เป้าหมาย”