xs
xsm
sm
md
lg

EU ยัวะหลังสหรัฐฯ ถูกแฉ “สอดแนม” โทรศัพท์-อินเทอร์เน็ตสหภาพยุโรป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/เอเอฟพี - สหภาพยุโรป (อียู) แสดงความโกรธเกรี้ยวและเรียกร้องขอคำตอบจากสหรัฐฯในวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) ภายหลังนิตยสารเยอรมันชื่อดัง “แดร์ สปีเกล” รายงานเมื่อวันเสาร์ (29) โดยส่วนหนึ่งอ้างอิงเอกสารลับที่ “จอมแฉ” เอิดเวิร์ด สโนว์เดน เป็นผู้เปิดเผย ซึ่งระบุว่าสหรัฐฯ แอบดักฟังโทรศัพท์และลักลอบเข้าสู่ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในหน่วยงานต่างๆ ของอียู

แดร์ สปีเกล อ้างข้อความจากเอกสาร “ลับสุดยอด” ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) ที่จัดทำเมื่อเดือนกันยายน ปี 2010 ซึ่งนิตยสารฉบับนี้ระบุว่า สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างของเอ็นเอสเอซึ่งกำลังหลบหนีได้นำติดตัวไปด้วย และนักข่าวของนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับนี้ได้อ่านเอกสารนี้เป็นบางส่วน

เอกสารฉบับนี้บรรยายกรอบโครงวิธีการที่เอ็นเอสเอดักฟังโทรศัพท์ของหน่วยงานต่างๆ และวิธีสอดแนมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในของสหภาพยุโรปทั้งที่กรุงวอชิงตันและที่องค์การสหประชาชาติ ซึ่งองค์กรที่ถูกกล่าวหาแห่งนี้ไม่เพียงแค่แอบฟังบทสนทนาและแอบบันทึกหมายเลขติดต่อทางโทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังได้ทำการลักลอบเข้าระบบไฟล์เอกสารและอีเมลอีกด้วย

ในเอกสารใช้คำเรียกสหภาพยุโรปว่าอย่างชัดเจนว่าเป็น “เป้าหมาย”

ทั้งนี้ โฆษกของสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลของนิตยสาร แดร์ สปีเกลแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับ เบน โรดส์ รองที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อออกมาแถลงสรุปที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก, แอฟริกาใต้ ในวันเสาร์ ขณะอยู่ในคณะติดตามประธานาธิบดีบารัค โอบามา เยือน 3 ชาติแอฟริกา ก็ได้ปฏิเสธไม่ขอวิจารณ์ใดๆ โดยตรงในข้อกล่าวหาคราวนี้ แต่ได้กล่าวว่า มัน “ไม่มีคุณค่าอะไรเลย” เพราะสหรัฐฯนั้น “ใกล้ชิดอย่างยิ่ง” กับหน่วยงานด้านความมั่นคงของอียูอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับปฏิกิริยาของฝ่ายอียูนั้นเป็นไปด้วยความขุ่นเคือง

“เราได้ติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของสหรัฐฯทั้งในวอชิงตันดีซีและในกรุงบรัสเซลส์โดยทันที และได้ถามพวกเขาตรงๆ ถึงรายงานข่าวที่ปรากฏในสื่อมวลชนนี้” คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของอียู กล่าวในคำแถลงวันอาทิตย์ และบอกตอไปว่า “พวกเขาบอกกับเราว่าพวกเขากำลังตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้ และจะแจ้งให้เราทราบ”

ทางด้าน มาร์ติน ชุลซ์ ประธานสภายุโรป แถลงว่าหากข้อมูลในรายงานนี้เป็นความจริง ก็จะมี “ผลกระทบอย่างร้ายแรง” ต่อความสัมพันธ์ระหว่างอียูและสหรัฐฯ

“ในนามของสภายุโรป ผมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ที่มีอำนาจรับผิดชอบในข้อกล่าวหาเหล่านี้ ออกมาให้ความกระจ่างชัดโดยสมบูรณ์ และเราต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโดยเร็ว” เขาระบุในคำแถลงที่เผยแพร่ทางอีเมล

ฌอง แอสเซลบอร์น รัฐมนตรีต่างประเทศลักเซมเบิร์ก ให้สัมภาษณ์นิตยสารแดร์ สปีเกลว่า “ถ้ารายงานนี้เป็นเรื่องจริง ก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมาก”

“สหรัฐฯ ควรตรวจสอบหน่วยงานลับต่างๆ ของตัวเองดีกว่าที่จะมานั่งเฝ้าระวังฝ่ายพันธมิตร เราต้องการการรับประกันจากหน่วยงานในระดับสูงสุดว่าสหรัฐฯ ยุติการสอดแนมแล้วโดยทันที”

เช่นเดียวกับ เยอรมนีที่เป็นมหาอำนาจอยู่ในอียู ซึ่งบอกว่าสหรัฐฯ ต้องพูดออกมาเร็วๆ ว่ารายงานดังกล่าวนี้เป็นความจริงหรือไม่

“มันเป็นสิ่งที่เกินเลยจากจินตนาการของเราที่ว่า พวกเพื่อนๆ ของเราในสหรัฐฯกลับพิจารณาเห็นว่าฝ่ายยุโรปนั้นเป็นศัตรู” รัฐมนตรียุติธรรม ซาบิเน ลอยทอยส์เซอร์-ชนาร์เรนแบร์เกอร์ ของเยอรมนีระบุในคำแถลง

“ถ้าหากรายงานของสื่อมวลชนถูกต้องแล้ว มันก็จะทำให้เราย้อนระลึกไปถึงการปฏิบัติการต่างๆ ในหมู่ศัตรูในระหว่างสงครามเย็นทีเดียว”

การที่สโนว์เดนเปิดโปงโครงการสอดแนมของสหรัฐฯ ผ่านทางสื่อต่างประเทศได้จุดประกายให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในเรื่องความสมดุลระหว่างสิทธิส่วนบุคคลและความมั่นคงของชาติ

จากข้อมูลของแดร์ สปีเกล เอ็นเอสเอยังได้ตั้งเป้าที่จะสอดแนมระบบการติดต่อสื่อสารที่อาคารจุสตุส ลิปซีอุสในกรุงบรัสเซลส์ สถานที่ตั้งของคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นที่ประชุมของบรรดารัฐบาลชาติสมาชิกอียู

นอกจากนี้ นิตยสารเยอรมันฉบับนี้ยังรายงานโดยไม่ได้อ้างอิงแหล่งข่าวใดๆ อีกว่า เมื่อกว่า 5 ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของอียู สังเกตเห็นว่ามีบันทึกรายการโทรศัพท์ที่ไม่มีผู้รับจำนวนหลายสาย และได้สืบพบว่าเป็นการโทรศัพท์มาจากสำนักงานต่างๆ ของเอ็นเอสเอซึ่งตั้งอยู่ในองค์การ NATO ประจำกรุงบรัสเซลส์

ทั้งนี้ ที่อาคารจุสตุส ลิปซีอุส ประเทศสมาชิกของอียูจะมีห้องส่วนตัวที่มีโทรศัพท์และระบบอินเทอร์เน็ตไว้ให้รัฐมนตรีสามารถใช้งานได้

อนึ่ง สำหรับชะตากรรมของสโนว์เดนนั้น เวลานี้ยังดูเหมือนตกค้างอยู่ภายในพื้นที่ทรานสิต ของท่าอากาศยานเชเรเมตเยโว ของกรุงมอสโก นับแต่ที่บินมาจากฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่เขายังไม่สามารถขึ้นเครื่องบินต่อไปไหนได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารการเดินทางอันถูกต้องตามกฎหมาย และก็ออกจากพื้นที่ทรานสิตไม่ได้ ถ้าไม่ได้วีซาของรัสเซีย

ประธานาธิบดีราฟาเอล กอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์ แถลงในวันเสาร์ว่า รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์มาพูดจาขอให้เอกวาดอร์ปฏิเสธคำขอลี้ภัยใดๆ จากสโนว์เดน

ทว่ากอร์เรียบอกว่า การตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของสโนว์เดนนั้น เวลานี้อยู่ในมือของฝ่ายรัสเซีย เนื่องจากเอกวาดอร์ไม่สามารถดำเนินกระบวนการพิจารณาคำขอลี้ภัยของเขาได้ จนกว่าเขาจะเข้ามาอยู่ในดินแดนของเอกวาดอร์แล้วเท่านั้น

“เรายังไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้” กอร์เรียกล่าว และบอกว่า จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ เป็นผู้ที่แนะนำให้สโนว์มาขอลี้ภัยในเอกวาดอร์

ตัวแอสซานจ์เองเวลานี้ก็ขอลี้ภัยอยู่ในสถานเอกอัครราชทูตเอกวาดอร์ประจำกรุงลอนดอนมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว
อาคารจุสตุส ลิปซีอุส กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งตณะมนตรียุโรป
กำลังโหลดความคิดเห็น